Filtra per genere

7 ตามใจท่าน (ธรรมะสากัจฉา)

7 ตามใจท่าน (ธรรมะสากัจฉา)

ปัญญา ภาวนา ฟังธรรมะ ปัญญาภาวนา Panya Bhavana

การพูดคุยปรึกษา คือ สากัจฉาทำให้เกิดความไม่ประมาทและมีปัญญาได้, มีคำถามอยู่ที่ไหน ก็มีคำตอบอยู่ที่นี่, ตอบทุกข้อสงสัย ทั้งในการดำเนินชีวิต, หลักธรรม หรือการภาวนา โดย ร่วมพูดคุยกับคุณเตือนใจ สินธุวณิก และ พระอาจารย์พระมหาไพบูลย์ อภิปุณฺโณ ในช่วง "ตามใจท่าน". New Episode ทุกวันอาทิตย์ เวลา 05:00, Podcast นี้เป็นส่วนหนึ่งของรายการธรรมะรับอรุณ ออกอากาศทุกวันทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย (สวท.) มีคำถาม/ข้อเสนอแนะ หรือสมัครติดตามฟังทั้ง 7 รายการ ที่ panya.org


Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

350 - อัปปมัญญา 4 [6712-7q]
0:00 / 0:00
1x
  • 350 - อัปปมัญญา 4 [6712-7q]

    Q : ที่มาของ “ข้าวก้นบาตรพระ”

     A : คืออาหารที่เหลือจากการพิจารณาของพระได้มาจากสัมมาอาชีวะเป็นอาหารที่เกิดจากบุญจากศรัทธาของผู้นำมาถวายจากผู้รับคือพระสงฆ์พิจารณาแล้วจึงบริโภคอาหารนี้จึงเป็นอาหารทิพย์

     

    Q : รักษาจิตด้วยอัปปมัญญา พรหมวิหาร และทิศทั้ง 6

     A : “อัปปมัญญา” คือ การพ้นที่อาศัยพรหมวิหาร 4 ได้แก่ 1) เมตตาเจโตวิมุต จะกำจัดความเบียดเบียน คิดให้เค้าได้ไม่ดี ในจิตใจเรา ผลคือจะทำให้เกิดความสุขที่หลุดพ้นสุขในภายใน (สุภวิโมกข์) 2) กรุณาเจโตวิมุต จะกำจัดความเบียดเบียน คิดให้เค้าได้ไม่ดี ผลคือ จะทำให้เกิด “อากาสานัญจายตนะ” 3) มุทิตาเจโตวิมุต จะกำจัดความไม่ยินดีในความสำเร็จของเขา ผลคือจะทำให้เกิด “วิญญานัญจายตนะ” 4) อุเบกขาเจโตวิมุต จะกำจัดราคะในจิตใจเราถ้าเขาได้ไม่ดี ให้เราวางเฉย อุเบกขา ผลคือจะทำให้เกิด “อากิญจัญญายตนะ” จะมีผล มีอานิสงค์ ละธรรมะที่เป็นเสี้ยนหนาม 4 ประการนั้นได้



    Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

    Sat, 23 Mar 2024 - 54min
  • 349 - ปัจจัยในการบรรลุธรรม [6711-7q]

    Q : ปัจจัยการบรรลุธรรม?

    A : ตัวเราสำคัญที่สุด เพราะการบรรลุธรรมอยู่ที่จิต ส่วนองค์ประกอบอื่นๆ ทั้งกัลยาณมิตรและสถานที่ที่มีผลทำให้กิเลสเพิ่มขึ้นหรือลดลงเป็นสิ่งที่รองลงมา ถ้าเราอยู่ที่ไหนแล้วปัจจัยสี่ไม่ดี จิตใจไม่สงบ อาสวะเพิ่ม เราไม่ควรอยู่ตรงนั้น แต่หากอยู่ที่ไหนแล้วปัจจัยสี่ดี จิตใจสงบ อาสวะที่ละไม่ได้ก็ละได้ ให้อยู่ตรงนั้นไปตลอดชีวิต

     

    Q : การสร้างศรัทธาขึ้นมาทำอย่างไร?

    A : ศรัทธามีทุกข์เป็นที่ตั้งอาศัย คนที่ถูกความทุกข์ครอบงำแล้วแสวงหาทางออกของทุกข์ ศรัทธาจะเกิด เมื่อเราแสวงหาทางออกด้วยศรัทธา คือ ศรัทธาใน “ธัมโม” หมายถึง กระบวนการวิธีการคือ มรรค8 ศรัทธาใน “พุทโธ” หมายถึง ผู้ที่บรรลุแล้วมีพระพุทธเจ้าและสาวกทั้งหลาย ศรัทธาใน “สังโฆ” หมายถึง การปฏิบัติของตัวเราว่า ถ้าคนอื่นเค้าทำได้ เราก็ต้องทำได้ ศรัทธาแล้วมีความเพียร ทำจริง แน่วแน่จริง เกิดสมาธิ ตั้งทิฐิไว้ชอบ ก็จะทำให้เกิดปัญญา ปล่อยวางได้ บรรลุธรรมได้ 

     

    Q : มีความคิดปรุงแต่งมากจะเรียกว่าฟุ้งซ่านไม่มีสมาธิ?

    A : อยู่ที่ว่าคิดปรุงแต่งแล้วกิเลสเพิ่มหรือลด ทั้งมิจฉามรรคหรือสัมมามรรคล้วนเป็นสังขตธรรม แต่ที่ไปคนละทาง สมาธิไม่ใช่ไม่คิดอะไรเลย มีลำดับขั้นของมัน

     

    Q : ศีล ศรัทธา ไม่ครบไม่มั่นคง จะเริ่มปฏิบัติได้อย่างไร?

    A : ศรัทธาจะเกิดเมื่อเห็นทุกข์ เห็นทุกข์ที่ควบคู่กับปัญญาจึงจะเห็นธรรม ควรมีกัลยาณมิตรแนะทางให้ 

     

    Q : ใครเป็นอรหันต์

    A : เป็นเรื่องยากที่ฆราวาสผู้ชุ่มอยู่ด้วยกามจะพึงรู้ จะดูแต่เพียงภายนอกไม่ได้ ศีลพึงรู้ได้ด้วยการอยู่ร่วมกัน ความสะอาดพึงรู้ได้ด้วยวาจา กำลังจิตพึงรู้ได้เมื่อมีภัย ปัญญาพึงรู้ได้ด้วยการตอบ ที่สำคัญ คือ ตอบตัวเองได้หรือไม่ว่าเป็นอรหันต์หรือยัง 

     

    Q : เมื่อมีความกังวลใจ แล้วต้องตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่ง จะมีวิธีพิจารณาอย่างไร?

    A : ความกังวลจะทำให้การตัดสินใจผิดพลาดได้ ควรมีศีล ศรัทธา สติตั้งไว้ พิจารณาปัจจุบัน ด้วยความเป็นของง่อนแง่น คลอนแคลน พอเราไม่กังวล เราจะละความยึดถือได้



    Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

    Sat, 16 Mar 2024 - 52min
  • 348 - พลังสติ [6710-7q]

    Q: เป็นคนชอบคิดมาก ควรแก้ไขอย่างไร?

    A : ความคิดแยกเป็น 2 นัยยะ นัยยะแรกคือคิดเยอะ เช่น คิดด้านการงาน มีไอเดียในการคิดทำสิ่งต่าง ๆ ส่วนนัยยะที่สองคือคิดมาก เช่น ย้ำคิดย้ำทำ คิดปรุงแต่งมากเกินไป หดหู่ น้อยเนื้อต่ำใจ คิดวนลูป ไปในแนวอกุศล ซึ่งพอคิดมาก ๆ เข้า อาจจะเป็นซึมเศร้าได้ ซึ่งทั้งสองนัยยะนี้มีลักษณะที่เหมือนกัน คือ คิดมากเหมือนกัน วิธีแก้จึงเหมือนกัน คือ ให้เราตั้งสติ แยกจิตออกจากความคิดให้ได้ ท่านบอกว่า “หู ตา จมูก ลิ้น กาย มีใจเป็นที่แล่นไปสู่” เพราะฉะนั้น ทางใจจึงต้องมีสติเป็นตัวจัดระเบียบ เราจะเพิ่มพลังสติได้ ต้องใช้เครื่องมือ คือ “อนุสติ 10” เพื่อให้สติเรามีกำลัง เมื่อสติมีกำลัง จิตเราจะสามารถแยกออกจากความคิดได้


    จิต ใจ ความคิด เป็นคนละอย่างกัน แม้ความคิดจะมีมา มันก็จะไม่เนื่องกัน เปรียบดังน้ำกลิ้งบนใบบัว ความคิดนั้นมันจะมาสะเทือนจิตเราไม่ได้ คือ มีความคิดนั้นอยู่ แต่มันไม่เข้าถึงใจ คือไม่สะเทือนจิต


    Q: สติ สมาธิ ความสงบ สัมพันธ์กันอย่างไร?

    A : สติ สมาธิ ความสงบ เป็นนามธาตุที่เกิดขึ้นในช่องทางใจ / สติ หมายถึงการระลึกรู้ได้ในนามธาตุต่าง ๆ หรือระลึกรู้ได้ในนิวรณ์ 5 สติจะทำให้นิวรณ์ 5 อ่อนกำลัง เมื่ออ่อนกำลังแล้วจะทำให้เกิดความสงบเกิดขึ้นได้ (สมถะ)

    สติจะเกิดขึ้นก่อนสมาธิเสมอ สัมมาสติจะทำให้เกิดสัมมาสมาธิได้ สมาธิในความหมายที่ท่านทรงกำหนดไว้ จะประกอบด้วยสมถะ (ความสงบ) และ วิปัสสนา (การใคร่ครวญ ให้เกิดรู้แจ้งในสังขารทั้งหลาย)


    Q: การวางเฉยต่างจากการไม่ใส่ใจอย่างไร?

    A : แตกต่างกันตรงที่ปัญญา ความไม่ใส่ใจ จะมีโมหะเป็นตัวครอบงำอยู่ แต่อุเบกขา จิตจะประกอบด้วยปัญญา มีความ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา


    Q: การนั่งสมาธิโดยกำหนดอานาปานสติแล้วใคร่ครวญธรรมะไปด้วย ปฏิบัติแบบนี้ถูกหรือไม่?

    A : ไม่ผิด หลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าจะมีการสอดรับลงรับกันทั้งหมด อนุสติ 10 จึงเป็นอันเดียวกันทั้งสิ้น


    Q: ขณะภาวนาเกิดจิตฟุ้งซ่าน ควรหยุดการปรุงแต่งความคิดหรือปล่อยความคิดไปตามธรรมชาติ?

    A: เมื่อสติมีกำลังจะทำให้เกิด สมาธิ สมาธิประกอบด้วยสมถะและวิปัสสนา หากวิปัสสนาเกินกำลังของสมถะจะทำให้เกิดความฟุ้งซ่าน และหากสมถะเกินกำลังของวิปัสสนา จะทำให้เกิดความเหนื่อยอ่อนเกียจคร้าน



    Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

    Sat, 09 Mar 2024 - 53min
  • 347 - ความต่างของการเสี่ยงทาย/การบนบาน [6709-7q]

    Q : ทำไมการเสี่ยงทายหรือการบนบาน จึงเป็นการให้กําลังใจได้?

    A : กำลังใจเกิดได้เพราะศรัทธา กำลังใจหมายถึง “วิริยะ” แปลว่าความกล้า วิริยะหมายถึงกำลังใจ การที่จะลงมือทำได้ มีกำลังใจได้ ต้องมีศรัทธา ส่วนการบนบานนั้นเกี่ยวด้วยอามิส การอ้อนวอน ขอร้อง ดังนั้น การที่เราจะมีศรัทธาเรื่องอะไร ต้องมีปัญญามาด้วยเสมอ เพราะถ้ามีศรัทธาแล้ว จะเกิดการลงมือทำ ถ้าศรัทธาที่ไม่มีปัญญามาประกอบ การลงมือทำนั้นจะกลายเป็นเรื่องที่ผิดพลาดได้ ถ้ามีศรัทธาแล้วมีปัญญาประกอบ การลงมือทำนั้นจะเป็นเรื่องที่ถูกต้อง การลงมือทำคือ “สัมมาวายามะ” ลงมือทำตามมรรค 8 ปัญญาที่เอามาเปรียบเทียบ ก็ต้องเทียบกับอริยสัจสี่, มรรค8 เมื่อปัญญานั้น อยู่ในความเชื่อนั้น การลงมือทำนั้น จึงเป็นเรื่องที่เป็นกุศลธรรม

     

    Q : ศรัทธาเพิ่มกำลังใจ ให้ทำจริงแน่วแน่จริง

    A : เมื่อเรามีศรัทธาคือความเชื่อ ทำให้เกิดการลงมือจริงแน่วแน่จริง จะทำให้เกิดปัญญา เป็นกุศลธรรม แต่หากมีความเชื่อ แต่ไม่ลงมือทำ มีเพียงการอ้อนวอน ขอร้อง จะเป็นลักษณะของผู้ที่ประมาทในธรรม คือ การประมาทในเหตุ ถ้าเราต้องการผล แต่เราไม่สร้างเหตุ จะเป็นความขี้เกียจ ที่เอาแต่อ้อนวอนของร้องคือเอาแต่ผลไม่สร้างเหตุ ซึ่งเหตุและผลนั่นคือปัญญา ปัญญาจึงเป็นเหตุผลที่ต้องประกอบกับความเชื่อ ซึ่งความเชื่อ คือศรัทธาที่จะทำให้เกิดการลงมือทำในเหตุ เหตุที่ทำให้เกิดการลงมือทำจริงแน่วแน่จริง ไม่ประมาทในเหตุ ผลจึงออกมาเป็นการบรรลุธรรมได้ 

     

    Q : การตามหาความจริงตามหลักกาลามสูตร

    A : ความเชื่อ การที่เราจะเชื่อว่าเรื่องนี้จริงหรือไม่จริงนั้น ในการตามหาความจริง เราต้องตั้งจิตไว้ก่อนว่าเรื่องนี้อาจจะไม่จริงก็ได้ หากเราจะตามรักษาซึ่งความจริง อย่าพึ่งปักใจเชื่อว่าสิ่งนี้เท่านั้น สิ่งอื่นเปล่า ทางสายกลาง ไม่ใช่ว่าสุดโต่งไปด้านใด ด้านหนึ่ง เราต้องตามดูเหตุ ประกอบด้วยปัญญา เราต้องมีปัญญาในการเห็น มีปัญญามาจับกับความเชื่อนี้ หากความเชื่อที่ว่าไม่จริงแล้วเกิดกิเลส ความเชื่อว่าไม่จริงก็ไม่ถูก เพราะฉะนั้น ต้องมีปัญญามองเห็นว่าสิ่งนั้นทำให้เกิดกิเลสหรือไม่ เกิด ราคะ โทสะ โมหะ หรือไม่



    Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

    Sat, 02 Mar 2024 - 57min
  • 346 - สังโยชน์ 10 ประการ [6708-7q]

    Q : การฝึกสมาธิแบบไม่มีเสียงอะไรเลยกับฟังธรรมะไปด้วย มีผลแตกต่างกันหรือไม่ อย่างไร?

    A : เราควรฝึกให้ชำนาญทั้ง 2 แบบ เราทำได้ตรงไหน ให้ทำตรงนั้นก่อน แล้วฝึกให้ชำนาญยิ่ง ๆ ขึ้นไป พอชำนาญแล้ว โอกาสที่เราจะบรรลุธรรมก็จะเพิ่มขึ้น เพราะจุดที่จะบรรลุธรรม คือ จุดที่มีผัสสะ หากมีผัสสะแล้ว เราสามารถรักษามรรค 8 ได้ ตรงนั้นจะเป็นโอกาสที่เราจะบรรลุธรรม

     

    Q : จากข่าวเสื่อมเสียทางพุทธศาสนา ทำให้ทางบ้านคัดค้านเรื่องทำบุญ จะแก้ไขอย่างไร?

    A : การทำบุญนั้นไม่ได้มีเพียงการให้ทานเพียงอย่างเดียว ไม่จำเป็นต้องทำที่วัด ทำบุญที่ไหนก็ได้ ทำในที่ที่เรามีศรัทธา ให้รอเวลาที่เหมาะสม แล้วค่อยชี้แจงกับเขา ค่อย ๆ อธิบายให้เขาเข้าใจว่า ข่าวที่เสื่อมเสียหมายถึงผู้ปฏิบัติ ส่วนคำสอนนั้นไม่ได้เสื่อม ผู้ทำตามคำสอนต่างหากจะทำตามได้หรือไม่ อย่าเหมาทั้งหมด เมื่อเขาเข้าใจ เป็นการเพิ่มปัญญาให้กับบุคคลอื่น เราก็จะได้บุญด้วย 

     

    Q : การบรรลุโสดาบันคืออะไร?

    A : โสดาบัน หมายถึง ผู้เข้าสู่กระแส / อุปมาดัง เราออกจากฝั่งที่มีอันตรายเต็มไปด้วยความทุกข์มาถึงกระแสกลางแม่น้ำ สามารถหลบหลีกอุปสรรคเครื่องทดสอบ เกาะกระแสแม่น้ำไปเรื่อย ๆ จนไปสู่ปากน้ำ ซึ่งปากน้ำในที่นี้หมายถึงนิพพาน 

     

    Q : นำสังโยชน์ 10 ประการ มาใช้ในชีวิตได้อย่างไร?

    A : สังโยชน์คือเครื่องร้อยรัด ให้จิตของเรายังอยู่ในภพ, สังโยชน์ 10 ประการ ได้แก่

    1. สักกายทิฏฐิ คือความเห็นว่าขันธ์เป็นตัวตน/ยึดถือว่าสิ่งนี้เป็นตัวตน

    2.วิจิกิจฉา คือความเคลือบแคลง ความลังเล ความเห็นแย้ง ในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์

    3.สีลัพพตปรามาส คือความยึดมั่นอยู่ในศีลและพรต ที่ไม่ใช่ที่พระพุทธเจ้าสอน เป็นสิ่งที่ไม่ได้จะทำให้บรรลุ ซึ่งหากละสังโยชน์ทั้ง 3 อย่างนี้ได้ จะเป็นลักษณะของอริยบุคคลขั้น “โสดาบัน”

    4.กามราคะคือความพอใจ

    5.ปฏิฆะ คือความขัดเคือง ไม่พอใจ หากละสังโยชน์ทั้ง 5 อย่างนี้ได้ จะเป็นลักษณะของอริยบุคคล ขั้น “อนาคามี”

    6.รูปราคะ คือพอใจในสมาธิขั้นรูป

    7.อรูปราคะ คือพอใจในสมาธิขั้นอรูป (รูปราคะกับอรูปราคะไม่เหมือนกับกามราคะ คนที่ติดสมาธิ จะมาติดอยู่ตรงนี้)

    8. มานะ คือความถือตัว

    9. อุทธัจจะ คือความฟุ้งซ่าน

    10. อวิชชาคือความไม่รู้ในอริยสัจสี่


    หากละสังโยชน์ทั้ง 10 อย่างได้ จะเป็นลักษณะของ “พระอรหันต์”



    Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

    Sat, 24 Feb 2024 - 55min
Mostra altri episodi

Podcast simili a <nome>