Filtrar por gênero
2 จิตตวิเวก
รูปแบบการปฏิบัติธรรมทางวิทยุ (Guided Meditation) ฟังไปด้วย, นั่งสมาธิไปด้วย เพื่อทำจิตที่ประภัสสรให้ผ่องใส ด้วยการเจริญสมถวิปัสสนา นำธรรมะเข้าสู่จิตใจให้ชุ่มเย็นอ่อนเหมาะควรแก่การงาน. New Episode ทุกวันอังคาร เวลา 05:00, Podcast นี้เป็นส่วนหนึ่งของรายการธรรมะรับอรุณ ออกอากาศทุกวันทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย (สวท.) มีคำถาม/ข้อเสนอแนะ หรือสมัครติดตามฟังทั้ง 7 รายการ ที่ panya.org
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
- 362 - เห็นกายด้วยปัญญาผ่านลมหายใจ [6718-2m]
เห็นกายด้วยความน่าอัศจรรย์ผ่านลมหายใจ สังเกต ณ จุดเดียว นั่นคือกายคตาสติ ฝึกฝนให้ระงับการปรุงแต่งกายและใจที่เป็นไปตามอำนาจของกิเลสโดยปฏิบัติตามมรรคแปด จิตลมสติอยู่ด้วยกันจะไกลจากกิเลสแต่เมื่อใดที่สติและสมาธิอ่อนกำลังลงจะไปยึดสิ่งที่ไม่เที่ยง สิ่งที่เป็นทุกข์ สิ่งที่เป็นอนัตตา จึงต้องทำปัญญาขั้นที่2 ได้แก่ สุตมยปัญญา จินตามยปัญญา ภาวนามยปัญญา เพื่อความหลุดพ้น
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Mon, 29 Apr 2024 - 57min - 361 - อย่าเป็นผู้ร้อนใจในภายหลัง [6717-2m]
ตั้งจิตไว้ตรงจุดเมล็ดพันธุ์แห่งความดีเรียนรู้จากประสบการณ์ เจริญพุทธานุสติ กล้าเผชิญหน้ากับกิเลสซึ่งมีอยู่รอบทิศทาง ทำความเพียรอย่างเร่งด่วนจะเกิดกุศลธรรม มีสติสัมปชัญญะ เดินตามทางมรรคแปด จะไม่เป็นผู้ที่ต้องร้อนใจ ในภายหลัง ดังที่พระพุทธเจ้าท่านได้กล่าวไว้ มา ปจฺฉา วิปฺปฏิสาริโน อหุวตฺถ พวกเธอทั้งหลาย อย่าได้เป็นผู้ที่ต้องร้อนใจ ในภายหลังเลย
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Mon, 22 Apr 2024 - 54min - 360 - นิพพานเป็นสุขได้อย่างไร [6716-2m]
เจริญวิราคสัญญานิโรธสัญญา ผ่านพุทธานุสสติ จิตเป็นสมาธิ ละเอียดขึ้น ๆ จนเหลือแต่อุเบกขา ไม่มีวิตกวิจารณ์ ไม่มีปีติสุข ทำสมาธิให้มีความชำนาญจะเห็นอาพาธ ของวิตก วิจารณ์ ปีติ สุข จึงปล่อย คลายกำหนัดสิ่งนั้นเสียนั่นคือวิราคสัญญา จึงนำมาซึ่งความดับคือนิโรธสัญญา เมื่อปล่อย คลายออก จึงเป็นความดับ เมื่อดับจึงเป็นสุข เป็นนิพพานได้อย่างนี้ ความไม่มี หรือมีน้อยลง น้อยลง จึงนำมาซึ่งความเจริญได้ อย่างนี้นั่นเอง
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Mon, 15 Apr 2024 - 58min - 359 - ทางแห่งความพ้น [6715-2m]
เริ่มจากศรัทธาว่ามีทางที่จะพ้นทุกข์ได้ กำหนดสติอยู่กับลมหายใจเข้าออกด้วยความเพียร จิตจะรวมลงเป็นสมาธิซึ่งยังต้องอาศัยศีลเป็นตัวผลักดัน กิเลสจะลดลง ไม่ยึดถือขันธ์5 ยึดถือตรงไหนทุกข์อยู่ที่ตรงนั้น คิดเรื่องอะไรมากๆ จิตนั้นจ่อเข้าสิ่งนั้นมีพลังทันที เอาตรงนี้มาใช้ประโยชน์ โดยจดจ่ออยู่กับลมหายใจ สติเราก็จะมีกำลังเพิ่มขึ้น เดินตามทางอันประเสริฐ8อย่าง ละความยึดถือได้ ดับเหตุแห่งทุกข์ ความเข้าใจเรื่องอริยสัจ 4 สุดทางนี้มันคือทางให้พ้นจากความทุกข์นั้นคือนิพพาน
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Mon, 08 Apr 2024 - 59min - 358 - ผู้ข้ามถึงฝั่ง [6714-2m]
การเจริญธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน เห็นธรรมในธรรม เราควรหนีจากงูพิษ ซึ่งคือธาตุทั้ง 4 ดิน น้ำ ไฟ ลม หนีจากเพชฌฆาตคืออุปทานขันธ์ 5 สิ่งใดมากระทบผ่านอายตนะทั้ง6
ก็เห็นด้วยปัญญาว่าเป็นความว่างเปล่า จะหนีจากงูพิษและเพชฌฆาตดังที่พระพุทธเจ้าและเหล่าอรหันต์ท่านได้นำไปก่อนแล้ว โดยปฏิบัติตามมรรคมีองค์แปดด้วยความมั่นใจ เลื่อมใส
และใช้ความเพียรให้เป็นกำลังของเราตั้งสติไว้ จะข้ามสังสารวัฏนี้ไปให้ถึงนิพพาน พอไปถึงฝั่งโน้นแล้วก็ไม่ควรยึดสิ่งใดๆแล้ว
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Mon, 01 Apr 2024 - 57min - 357 - สติปัฏฐานสี่หนทางแห่งการดับทุกข์ [6713-2m]
เจริญพุทธานุสติ ระลึกถึงคุณพระพุทธเจ้า คือระลึกถึงในความที่ท่านเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน เป็นผู้มีปัญญา มีความเพียร เป็นการเจริญสติปัฏฐานสี่ ไม่ว่าจะทำอะไรให้ระลึกถึงพุทโธ ทางนี้เป็นทางสายเอก เป็นหนทางเครื่องไปทางเดียว เกิดสัมมาสติคือความระลึกชอบ เมื่อจิตไม่คล้อยไปตามอารมณ์ จิตเรามีพลัง จิตได้รับการรักษาด้วยสติ เกิดสัมมาสมาธิ ให้จิตอยู่เหนือ พ้นจากความทุกข์ได้ เกิดปัญญาเห็นตามความเป็นจริงในกาย เห็นความไม่เที่ยงได้
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Mon, 25 Mar 2024 - 53min - 356 - ฉลาดในขันธ์ทั้ง 5 [6712-2m]
ต้องฉลาดในขันธ์ทั้งห้าในฐานะทั้งเจ็ด พิจารณาใคร่ครวญโดยวิธีทั้งสาม จากปัญญา 3 ระดับ ที่เมื่อใคร่ครวญให้เกิดปัญญาจากการภาวนาด้วยการเจริญอานาปานสติแล้ว จะให้ถึงความรู้ยิ่งรู้พร้อม คือความพ้นวิเศษได้ ต้องทำบ่อยๆ พิจารณาบ่อยๆ จนเกิดความคลายกำหนัดในขันธ์ทั้งห้า จึงจะเกิดความพ้นได้ จะสามารถทำปัญญาความรู้แจ้ง ความรู้ซึ้ง ความมีปัญญาหลากหลาย จะกระจายเราให้รู้ถึงความเป็นปฏิจจสมุปบาทได้ ทำให้เราพ้นจากความทุกข์ ถึงนิพพาน อันเป็นบรมสุข
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Mon, 18 Mar 2024 - 56min - 355 - หนทางสู่ความสำเร็จ [6711-2m]
เมื่อเราพบปัญหา ความทุกข์ ความท้อใจ ความผิดหวัง นั่นแหละคือโอกาสให้เกิดความสุข กำลังใจ ความหวัง โดยการเจริญพุทธานุสติระลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้าในด้านความเพียรและการใช้ปัญญาบนพื้นฐานของสมาธิ มีศีลเป็นบาทฐานและหลักมัชฌิมาปฏิปทา เห็นอริยสัจ 4 นั่นคือหนทางสู่ความสำเร็จ โอกาสที่จะมีพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้น และการได้เกิดมาเป็นมนุษย์ในช่วงที่ได้ฟังธรรมะคำสอนของพระองค์เป็นเรื่องยากมาก หากเราได้มีโอกาสพบความมหัศจรรย์ 3 อย่างนี้ หนทางความสำเร็จยังเปิดอยู่ ให้เร่งความเพียร ความสำเร็จเกิดได้ด้วยการมีศรัทธา วิริยะปฏิบัติตามแนวทางอริยมรรคมีองค์ 8 คือ ศีล สติสมาธิ ปัญญา ทางแห่งความสำเร็จเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Mon, 11 Mar 2024 - 59min - 354 - พิจารณากายด้วยสติปัญญา [6710-2m]
ร่างกายของเราประกอบด้วยธาตุทั้ง4 (ดินน้ำไฟลม) มีการรับรู้คือวิญญาณ ทำให้เราตอบสนองในรูปแบบการกระทำ ปรุงแต่งไปตามสิ่งที่มากระทบ ผ่านทางอินทรีย์ต่างๆเหล่านั้น เมื่อเกิดความเพลิน ความพอใจไปในสิ่งใดนั้นๆ เราจะยึด และทำให้เกิดทุกข์ แก้ไขด้วยการตั้งสติโดยเจริญกายคตาสติ ผ่านธาตุทั้งสี่คือ ลมไฟน้ำดิน เมื่อจิตเป็นสมาธิ จะเกิดปัญญาเห็นทางออกของปัญหา คือการไม่ยึดถือ ก็จะไม่ทุกข์ ดังนั้นเจริญกายานุปัสสนาสติปัฏฐานให้มาก เป็นอานิสงส์ไพศาล เป็นความเคยชินที่เป็นกุศล สะสมเป็นอาสวะที่ดีงาม สู่เส้นทางนิพพาน
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Mon, 04 Mar 2024 - 53min - 353 - พ้นภัยจากวัฏฏะด้วยคุณสาม [6709-2m]
“สติ” เป็นองค์ธรรมสำคัญที่ทำให้เราหลุดออกจากทุกข์ในวัฏฏะของความแก่ ความเจ็บ ความตายได้ และเป็นทักษะที่ฝึกได้ ด้วยการระลึกถึงคุณของพุทโธ ธัมโม สังโฆ จะช่วยทำให้จิตเราตั้งอยู่ในกุศลธรรม ปัญญา ความเพียร ความอดทน ต่างๆ จะมาครอบงำจิตใจของเรา และทำให้อกุศลธรรมออกไป เมื่อมีสติอย่างต่อเนื่อง เกิดสัมมาสมาธิ และปัญญามองเห็นความแก่ ความเจ็บ ความตาย เป็นเรื่องปกติ เห็นความไม่เที่ยง ทั้งกาย เวทนา ความรู้สึก ความคิดต่างๆ รวมถึง จิตก็ไม่ใช่เรา เห็นอย่างนี้แล้ว วางความยึดถือ ยึดมั่น ด้วยสติ เกิดความรู้ คือ เกิดวิชชา อวิชชาก็ดับ
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Mon, 26 Feb 2024 - 1h 00min - 352 - ยึดกายดีกว่ายึดจิต [6708-2m]
ยึดจิตเป็นตัวตนไม่ดีเลย ให้จิตของเราอยู่ที่โสตวิญญาณ เอาสติมาจับไว้ อย่าเอาจิตไปไว้ที่อายตนะทั้ง6 อย่าไปตามความรู้สึกเวทนา ให้จิตตั้งอยู่กับโสตวิญญาณ ระลึกถึงตรงนี้อยู่เรื่อยๆ คือมีสติ
ความคิดนึก สัญญา สังขาร เวทนามีได้ แต่ไม่ตามไป ให้จิตมาอยู่กับการฟัง ให้เข้าใจธรรมะ ไม่เผลอไม่เพลิน ให้ใคร่ครวญโดยที่มีสติสัมปัญชัญญะอยู่ สิ่งใดที่เป็นนามธรรมทั้งหลายจะซ่อนหลบในกายนี้ ซึ่งกายเป็นการประชุมลงของธาตุทั้งสี่ ประกอบกันมาเป็นตัวเรา จิตเข้าไปยึดถือและเกิดการปรุงแต่ง ยึดถือกายเพราะเป็นรูปที่เห็นความเปลี่ยนแปลงชัดเจนกว่าจิต แต่จิตเองก็ไม่เที่ยง สิ่งใดไม่เที่ยงสิ่งนั้นเป็นทุกข์ ไม่ควรยึดถือเป็นของเรา เห็นความเป็นอนัตตา
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Mon, 19 Feb 2024 - 58min - 351 - กิเลสเกิดจากจิต [6707-2m]
กิเลสเกิดแต่จิต ในใจเราเองไม่ใช่จากสิ่งภายนอก ซึ่งราคะโทสะโมหะทำให้จิตเศร้าหมองเป็นทุกข์ โดยมีผัสสะเข้าสู่ช่องทางอายตนะทั้ง6 ได้แก่ ตาหูจมูกลิ้นกายและใจ ผ่านวิญญาณการรับรู้ เกิดเวทนาเขื่อมด้วยตัณหา มากระทบจิตมีการปรุงแต่งและตอบสนองแตกต่างกันไป ตามอาสวะที่สั่งสมมา ตั้งสติด้วยการกำหนดอานาปานสติ อาจเผลอลืมลมบ้างก็ให้กลับมากำหนดเอาไว้ที่เดิม ทำอย่างต่อเนื่องด้วยความเพียรยึดตามทางสายกลาง สติจะมีกำลังมากขึ้น เกิดสมาธิและปัญญาตามมา ใส่วิชชาและสัจจะเข้าไป ปราศจากอวิชชา ตัณหาและอาสวะดับ กิเลสสิ้นไป
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Mon, 12 Feb 2024 - 1h 02min - 350 - ยอดธงแห่งผู้ประพฤติธรรม [6706-2m]
ฝึกปฏิบัติภาวนาด้วยการระลึกถึงพุทโธ ธัมโม สังโฆ ปักเป็นยอดธงเอาไว้ และปราศจากวิจิกิจฉา สติห่อหุ้มจิตเป็นเยื่อบางๆ ไว้ ไม่แปดเปื้อนกับผัสสะ สติมีกำลัง ความระงับของอายตนะค่อยๆ เกิดขึ้น เกิดอารมณ์อันเดียวเพื่อให้จิตเราเจริญสติปัฏฐาน4 และพุทธานุสติ ธัมมานุสติ สังฆานุสติ ด้วยหนทางเครื่องไปทางเดียวคือ มรรค8 เกิดสัมมาสมาธิ
จิตจะเห็นตามความเป็นจริง ความไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่ของเรา ความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตาด้วยปัญญาแทงตลอด ละกิเลส ละอาสวะ ทำนิพพานให้แจ้งได้
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Mon, 05 Feb 2024 - 57min - 349 - สมาธิภาวนาเพื่อผล 4 [6705-2m]
จิตเราสามารถฝึกได้ เริ่มจากการตั้งสติด้วยการเจริญจิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน เกิดสมาธิภาวนา 4 ประเภท ไล่จากเพื่อสติสัมปชัญญะ เพื่อความสุขสงบในธรรม ภาวนาชนิดที่นำมาปรับใช้เพื่อแก้ไขปัญหาในชีวิตเกิดญาณทัสสนะ
เห็นตามความเป็นจริง เห็นถึงความไม่เที่ยง เป็นภาวนาชนิดที่ให้สิ้นอาสวะ โดยการปฏิบัติมี 4 รูปแบบ คือการใช้สมถะเป็นเบื้องหน้าเป็นตัวนำแล้วเจริญวิปัสสนาให้ครบถ้วนขึ้นมาในลักษณะที่ทำให้อาสวะสิ้นไป รูปแบบที่ 2 คือวิปัสสนาเป็นเบื้องหน้าเป็นตัวนำ เอาสมถะตามมาให้ครบถ้วนในลักษณะที่ทำให้อาสวะสิ้นไป รูปแบบที่ 3 คือให้สมถะและวิปัสสนาเคียงคู่กันไป รูปแบบที่ 4 คือทำจิตให้ประภัสสรเป็นอารมณ์อันเดียวเห็นในความเป็นของไม่เที่ยง กำจัดความฟุ้งซ่านในธรรม ละอาสวะได้
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Mon, 29 Jan 2024 - 1h 00min - 348 - ระบบแห่งความเพียรที่มีผล [6704-2m]
ระบบความเพียรมีอยู่ 2 อย่างคือ ระบบความเพียรที่ไร้ผลคือการหาทุกข์มาทับถมตนที่ไม่มีทุกข์ และเพลิดเพลินยินดีในความสุข ระบบความเพียรที่มีผลคือระบบของการประพฤติพรหมจรรย์ คือทางสายกลาง ได้แก่ ศีล สมาธิ ปัญญา แจกแจงออกได้เป็นทางที่ประกอบด้วยองค์ประกอบอันประเสริฐ 8 อย่าง มีสิ่งที่ช่วยเหลือเกื้อกูล เช่น การสำรวมอินทรีย์ คบกัลยาณมิตร ประมาณในการบริโภค การอ่านหนังสือธรรมะ ความอยู่อย่างสันโดษ เสริมให้การปฏิบัติดีขึ้น ฝึกอานาปานสติระลึกรู้ถึงลมหายใจคือมีสติ ใช้ปัญญาเห็นกุศลธรรมเพิ่มขึ้น อกุศลธรรมลดลง เกิดความยินดี มีเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา แผ่ไปให้สรรพสัตว์ทั้งหลายในทุกทิศทาง
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Mon, 22 Jan 2024 - 56min - 347 - สุขด้วยพรหมวิหาร [6703-2m]
มีสติอยู่กับลมหายใจ เกิดสัมมาสมาธิและเจริญพรหมวิหารสี่ตั้งไว้ในใจของเรา เมตตาหมายถึงความรักและปรารถนาดี กรุณาคือความปรารถนาให้สรรพสัตว์ทั้งหลายพ้นทุกข์ มุทิตาหมายถึงความยินดีพอใจที่ได้พ้นจากความทุกข์หรือมีความสุข อุเบกขาคือความวางเฉยทั้งความสุขและความทุกข์เพราะเอาจิตจดจ่อตั้งไว้อยู่กับสมาธิ จากนั้นแผ่ไปทุกทิศ ไม่เว้นใคร ไม่มีขอบเขต เราไม่มองใครเป็นศัตรู ตนเองเป็นเสาอากาศตั้งแต่สมองศีรษะจนถึงพื้นเท้า เนื้อเยื่อทุกส่วนกระดูกทุกชิ้นให้แผ่กระแสไปถึงสรรพสัตว์ทั้งหลาย ปฏิบัติเมตตาเจโตวิมุตให้มากอย่างสม่ำเสมอจะเกิดอานิสงส์ 11 อย่าง 1.หลับเป็นสุข 2.ตื่นเป็นสุข 3.ไม่ฝันร้าย 4.เป็นที่รักของมนุษย์ 5.เป็นที่รักของพวกอมุษย์ 6. เทพยาดารักษา 7.ไฟ ยาพิษหรือศาสตรา ไม่ทำอันตราย 8. จิตตั้งมั่นได้รวดเร็ว 9.มีสีหน้าผุดผ่อง 10. ไม่หลงใหลทำกาละ 11.เมื่อยังไม่บรรลุคุณธรรมอันวิเศษทียิ่งขึ้นไป ย่อมเกิดในพรหมโลก
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Mon, 15 Jan 2024 - 54min - 346 - ชีวิตนี้มีค่ามาก [6702-2m]
ชีวิตมนุษย์เป็นของน้อย อาจจะแตกตายไปด้วยปัจจัยอย่างใดอย่างหนึ่งเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ทำให้มีค่ามากได้ด้วยก่อนนอนทำความเพียรนั่งสมาธิตามหลักอานาปานสติ หลังตื่นขึ้นในยามสุดท้ายแห่งราตรีก็พิจารณาใคร่ครวญด้วยการเจริญกายคตาสติ มีสติสัมปชัญญะตั้งไว้อยู่ในกายของเรา ให้เห็นกายของเราตามความเป็นจริง ว่าเป็นของไม่เที่ยง เป็นอนัตตา จะเกิดปัญญาอย่างใหญ่ ทำความดีด้วยการเจริญพรหมวิหารสี่และปฏิบัติตามมรรคแปด
ทำความเพียรอยู่ตลอดทั้งวัน การเป็นอยู่แบบนี้จะเป็นการอยู่ที่มีค่ามาก
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Mon, 08 Jan 2024 - 57min - 345 - ผู้เห็นจิตในจิต [6701-2m]
สู่โพชฌงค์เจ็ดด้วยการเจริญจิตตานุปัสสนาสติปัฎฐาน ซึ่งเป็นหนึ่งในสติปัฎฐานสี่ คือเห็นจิตในจิตจากการปรุงแต่ง หมายถึงสังเกตดูว่าจิตของเราเป็นอย่างไร เกิดเป็นสติที่ตั้งไว้
สังเกตทีละน้อยทีละน้อย และใช้ความรู้ที่เป็นกุศลในการแยกแยะจิตออกจากการปรุงแต่งของจิต ด้วยศีล สมาธิ ปัญญา เพื่อทำสติของเราให้มีกำลังเพิ่มขึ้น เกิดเป็นสมาธิซึ่งก็คือความที่จิตเป็นอารมณ์อันเดียว ตั้งมั่น เป็นสมาธิสัมโพชฌงค์และเกิดปัญญาที่เป็นความรู้ความเข้าใจ เป็นสัมมาทิฎฐิในที่สุด
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Mon, 01 Jan 2024 - 56min - 344 - ผู้มีจิตเที่ยงตรงต่อเวทนา [6652-2m]
เพราะรักสุขเกลียดทุกข์ ทำให้คนทั่วไปไม่เข้าใจต่อเวทนาอย่างแท้จริง เข้าใจเพียงด้านเดียว ความไม่เข้าใจนี้คืออวิชชามีความยุ่งเหยิงเป็นตัณหา แต่สัตบุรุษจะมีความเข้าใจว่าเวทนาไม่ว่าจะเป็นสุขหรือทุกข์หรือแม้แต่อทุกขมสุข
ล้วนสามารถบรรเทาซึ่งกันและกันได้ ดังเช่นความหิวเป็นทุกขเวทนา บรรเทาด้วยความสุขจากการลิ้มรส เมื่ออิ่มสุขนั้นก็บรรเทาไปด้วยอทุกขมสุข เวทนาเกิดจากผัสสะและเป็นไปตามเงื่อนไขปัจจัย มีความไม่เที่ยงเป็นทุกข์ สุขเองก็ชื่อว่าทุกข์ เพราะเปลี่ยนแปลงได้ พระพุทธเจ้าชี้ทางออกที่พาพ้นจากสุขทุกข์คือมรรคมีองค์แปด เข้าใจและพัฒนาไปตามกิจในอริยสัจสี่ เป็นผู้ที่มีจิตเที่ยงตรงต่อสุขและทุกข์ ชื่อว่าอยู่เหนือเวทนา
ทั้งหมดนี้เริ่มมาจากการทำจิตให้ระงับด้วยกายคตาสติ
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Mon, 25 Dec 2023 - 56min - 343 - ความสุขสี่ระดับ [6651-2m]
ปฏิบัติตามหลักของพระพุทธเจ้า ศีล สมาธิและปัญญา คือได้รับพรจากพระพุทธเจ้า เบื้องต้นสู่เนกขัมมะด้วยอานาปานสติ ตั้งสติขึ้นจากการใช้ลมหายใจเป็นเครื่องมือ สติกำจัดนิวรณ์เกิดเป็นสมาธิ ฝึกสติบ่อยๆเพื่อให้มีกำลังแยกแยะอย่างละเอียด และใคร่ครวญโดยแยบคายด้วยโยนิโสมนสิการ เห็นคุณเห็นโทษของแต่ละขั้นของฌาน 4 ขั้น จะพัฒนาไปได้ตามลำดับ ดังนี้
ปฐมฌาน มีวิตก วิจารปีติและสุขเกิดวิเวกอยู่และตั้งอยู่ในธรรมได้
ทุติยฌาน วิตกวิจารสงบไป มีปีติและสุขเกิดแต่สมาธิอยู่
ตติยฌาน ปีติสิ้นไป มีอุเบกขา มีสติสัมปชัญญะ
จตุตถฌาน ละสุขละทุกข์ มีอุเบกขาเป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Mon, 18 Dec 2023 - 55min - 342 - อปฺปฏิวาณี ความไม่ถอยกลับ [6650-2m]
เจริญพุทธานุสสติ ตามระลึกถึงความเพียรที่ไม่ถอยกลับของพระพุทธเจ้า
ในกาลก่อนที่พระพุทธเจ้าจะตรัสรู้ ได้ตั้งไว้ซึ่ง อปฺปฏิวาณี หมายถึง ความไม่ถอยกลับ คือไม่สำเร็จจะไม่เลิกกลางคัน ดำเนินตามกระแสเรียกของจิตใจให้ไปตามทางสายกลาง อธิษฐานสร้างกำลังใจด้วยจิตตั้งมั่นอย่างแรงกล้าที่จะบรรลุอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ แม้มีกองทัพมารมาขวาง ทรงตั้งสติสัมปชัญญะไว้ไม่หลุดจากความเพียร เกิดวิชชา 3 ดำรงไว้ด้วยอิทธิบาทสี่ ตั้งคำถามให้ถูกจะมีคำตอบเกิดขึ้น ทำให้เห็นรูปแบบแห่งความสำเร็จ คืออริยสัจสี่ รื้อถอนวัฏฏะ เหมือนตาลยอดด้วน เป็นจุดเริ่มต้นของพระพุทธศาสนาจากความเพียรที่ไม่ถอยกลับของพระองค์
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Mon, 11 Dec 2023 - 1h 03min - 341 - นิวรณ์เป็นปัจจัยทำให้มนต์ไม่แจ่มแจ้ง 2 [6649-2m]
นิวรณ์ 5 คือเครื่องกางกั้น ทำปัญญาให้ถอยกำลัง ได้กล่าวถึงกามฉันทนิวรณ์และพยาบาทนิวรณ์ไปแล้ว
อีก 3 ข้อ ได้แก่ ถีนมิทธะนิวรณ์ คือ ความหดหู่และความเคลิบเคลิ้ม
อุทธัจจะกุกกุจจะนิวรณ์ คือความฟุ้งซ่านและความรำคาญใจ
วิจิกิจฉานิวรณ์ คือความเคลือบแคลง ทั้งภายในและภายนอก
กำจัดนิวรณ์โดยขจัดทุจริต3
สร้างสุจริต3 ด้วยการรักษาศีล และระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เกิดสติปัฎฐาน 4
ในที่นี้เราเจริญธัมมานุปัสสนาสติปัฎฐาน จิตมีกำลังมากขึ้นและถอนมาอยู่กับการรับรู้ เป็นสมาธิ เกิดโพชฌงค์ 7 กำจัดนิวรณ์ออกไป ทำจิตของเราให้สงบทำประโยชน์ให้ถึงตน หรือผู้อื่นหรือทั้งสองฝ่าย
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Mon, 04 Dec 2023 - 51min - 340 - นิวรณ์เป็นปัจจัยทำให้มนต์ไม่แจ่มแจ้ง 1 [6648-2m]
นิวรณ์ 5 เป็นเครื่องกางกั้นทำให้จิต และปัญญาถอยกำลัง หรือเกิดไม่ได้ ซึ่งขออธิบายเรื่องของกามฉันทะ หมายถึง จิตมีความพอใจไปในกาม และ ความพยาบาท คือ การคิดปองร้าย การคิดอาฆาต ทั้งภายในและภายนอก สามารถสังเกตการมีอยู่ของนิวรณ์โดยใช้สติระลึกรู้ และจะไม่ให้มีนิวรณ์เพิ่มขึ้นโดยไม่ให้อาหาร นั่นก็คือ ทุจริต 3 ได้แก่ ทางกาย ทางวาจา และทางใจ เครื่องมือที่จะทำให้เรากำจัดนิวรณ์ 2 ตัวนี้ คือ สติสัมโพชฌงค์ โดยยึดหลักสติปัฏฐาน 4 ทำให้เกิดโพชฌงค์ 7 และนิวรณ์ดับไป สู่การเกิดปัญญาในที่สุด
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Mon, 27 Nov 2023 - 53min - 339 - เพราะน้อยจึงมีค่ามาก [6647-2m]
กิจโฉ มนุสสะปฏิลาโภ ความที่จะได้เป็นมนุษย์เป็นการยาก จึงต้องทำประโยชน์ให้ได้มาก คือ พัฒนาเป็นอริยะบุคคล โดยการรักษาศีล มีสติสัมปชัญญะ ทำจิตให้สงบด้วยการเจริญพุทธานุสสติ ปฏิบัติตามอริยะมรรคมีองค์แปด โดยยึดสติปัฏฐานสี่ เป็นหลัก พัฒนาให้เกิดเป็นสมาธิสงบในอันเดียว และเกิดเป็นปัญญา มีค่ามากตรงที่เห็นด้วยปัญญาว่า สิ่งเหล่านั้นไม่เที่ยง จะเห็นอริยสัจสี่ ทางดำเนินนั้นจะไปสู่ความดับเย็น คือ นิพพาน รู้แล้ว ปฏิบัติแล้ว รักษาจิตของเราด้วยสติทั้งวันให้เห็นปัญญาเกิดความเข้าใจ
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Mon, 20 Nov 2023 - 59min - 338 - ผาสุกเพราะรอบรู้ทุกข์ [6646-2m]
ผาสุกได้เมื่อมีทุกข์ โดยการปฏิบัติตามทางอันประเสริฐแปดอย่าง ด้วยการเข้าใจเริ่องทุกข์, ไม่มีสิ่งใดในโลกที่ไม่ทุกข์, มีเพียงแต่ทุกข์มาก หรือทุกข์น้อย,
ทุกข์คือสภาวะที่ถูกบีบคั้น เกิดขึ้นได้เพราะตัณหา, เราอย่าเอาตัวเราไปอยู่ในสภาวะที่ถูกบีบคั้น, นั่นคืออย่ามีความอยาก, ให้เห็นด้วยปัญญาว่า, ทุกข์นั้น มันเป็นของมันอย่างนี้ ก็อยู่กับทุกข์ได้โดยไม่ทุกข์ ด้วยปัญญา, แยกจากกันได้, เราจึงมีความผาสุกได้ แม้มีทุกขเวทนา, ให้สะสมสิ่งดีคือมรรคมีองค์แปด, อาสวะจะถูกลอกออก ถอนออก, เราก็จะแจ่มใสขึ้นคือปัญญาจะเกิด, ก็จะละวางกำจัดความยึดถือได้ เป็นขั้นเป็นตอน.
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Mon, 13 Nov 2023 - 58min - 337 - ที่พึ่งอื่น ไม่มี [6645-2m]
เจริญรัตนะสามประการ คือ พุทธานุสติ ธัมมานุสติ และสังฆานุสติ, ยึดพุทโธ ธัมโม และสังโฆ เป็นที่พึ่งอันสูงสุด, พุทโธ หมายถึง การตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า, หมายถึง จิตใจที่ตื่นรู้แล้ว, ธัมโม คือ องค์ความรู้ที่จะทำให้พ้นทุกข์ได้จริง ที่จะต้องนำมาปฏิบัติเพื่อให้เกิดเป็นพุทโธขึ้นมาได้, สังโฆ หมายถึง การปฏิบัติของตัวเราเองที่อยู่ในจิตใจของเราเอง,
พุทโธ ธัมโม สังโฆ ตั้งไว้ในจิตใจของเรา,
ที่พึ่งอื่นของข้าพเจ้า ไม่มี, บ่มอินทรีย์ของเราให้มีความแก่กล้า, แก่กล้าแล้วจะทำให้การตรัสรู้ธรรมบรรลุธรรมของเรารวดเร็วขึ้นมาได้.
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Mon, 06 Nov 2023 - 57min - 336 - คนมีสติย่อมได้รับความสุข [6644-2m]
ฝึกจิตโดยใช้ลมหายใจเป็นเครื่องมือ, ให้ลมหายใจของเราทำทางไปสู่อมตะ คือ ความไม่ตาย, ขณะที่เราใส่ใจสังเกตดูลมหายใจ นั่นคือ เกิดสัมมาทิฏฐิ สัมมาวายามะ สัมมาสติ ขึ้นแล้ว, พอเราทำสมาธิฝึกตั้งสติ เกิดสัมมาวาจา สัมมากัมมันตะทันที, ตั้งไว้จากศีลทางกาย วาจาที่เรามี, สติที่มีกำลังมากขึ้น จะผลักดันให้เกิดสัมมาสังกัปปะ, สัมมาอาชีวะก็เกิดขึ้น, จิตเราจะระงับลง, การปรุงแต่งทางกาย ทางจิตระงับลง นั่นคือ จิตที่เป็นสัมมาสมาธิ, ครบองค์ประกอบแปดอย่างทันที, คือ ศีล สมาธิ ปัญญา, คือ สมถะ วิปัสสนา หรือคือสติอย่างเดียว, คนมีสติจึงได้รับความสุข คนมีสติจึงมีความเจริญในการพัฒนา คนมีสติจึงได้เป็นคนดี สามารถหลุดพ้นจากเวร มีการไม่เบียดเบียน มีเมตตา มีความรักใคร่เอ็นดู เป็นเส้นทางที่จะนำจิตของเราไปสู่ความหลุดพ้นได้
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Mon, 30 Oct 2023 - 55min - 335 - ธาตุกรรมฐาน [6643-2m]
เจริญธาตุกรรมฐาน คือ การแยกแยะธาตุในร่างกายของเรา เพื่อไม่ให้ยึดถือในตัวตนของเรา
ตัวเราเป็นเพียงธาตุทั้งหกประกอบขึ้นมาเป็นชีวิต
ธาตุทั้งหกจึง ไม่ใช่ตัวเรา ไม่ใช่ของเรา, เป็นของภายนอกที่เข้าประกอบกันเท่านั้น, เราจะคลายความยึดถือได้ในตัวตนนี้, เราต้องอยู่เหนือผัสสะที่น่าพอใจ และไม่น่าพอใจเหล่านั้น, โดยเมื่อมีผัสสะเข้ามา, ให้เราทำจิตของเราให้เสมอด้วยแผ่นดิน เสมอด้วยน้ำ เสมอด้วยไฟ เสมอด้วยลม, ทำจิตของเราให้ว่าง ๆ เหมือนอากาศ, เพราะเราเองเป็นเพียงธาตุ เป็นของธรรมชาติ, ไม่ใช่ของเรา, ให้เห็นด้วยปัญญาอย่างนี้ เราจะคลายความยึดถือในตัวตนได้.
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Mon, 23 Oct 2023 - 54min - 334 - พ้นจากธรรมชาติสาม ด้วยพุทโธ [6642-2m]
ระลึกถึงคุณพระพุทธเจ้า คือ พุทธานุสสติ, ให้สติ จิต และพุทโธอยู่ด้วยกัน, จับจิตเพื่อฝึกจิต, ฝึกจิตเพื่อให้จิตมีกำลัง, ให้จิตของเรามีความรู้ คือ วิชชาเกิดขึ้น ว่า “จิต เธอไม่ต้องไปปรุงแต่งก็ได้”, จะทำได้ต้องก็มีปัญญา, จะให้มีปัญญาเกิดขึ้นได้ ก็ต้องมีองค์ธรรมแห่งการตรัสรู้ธรรม คือ สติ สมาธิ ปัญญา สัมมาทิฏฐิ เห็นความเกิดขึ้น-เห็นความดับไปว่า สิ่งนี้ไม่ใช่ของเรา ไม่ใช่ตัวตนของเรา แม้จิตก็ไม่ใช่ของเรา, จิตเราก็จะอยู่เหนือการปรุงแต่ง, มีสติ ทำซ้ำ ๆ บ่อย ๆ, เราก็จะพ้นจากธรรมชาติสามอย่าง คือ ความเกิด ความแก่ และความตาย ได้, พระพุทธเจ้ามาอุบัติขึ้นเพื่อนำพาเราให้พ้นจากธรรมชาติสามอย่างนี้.
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Mon, 16 Oct 2023 - 54min - 333 - พลัดพรากให้เป็นธรรม ธรรมสังเวช [6641-2m]
พลัดพรากให้เป็นธรรม ด้วยการมีสติ,
พอเราเจอเรื่องทุกข์แล้ว ให้มี “สติ สัมปชัญญะ”, จะอดกลั้นเวทนาได้ด้วย “ธรรมสังเวช” หมายถึง ความร้อนใจที่พัฒนาจนอยู่เหนือสุขเหนือทุกข์ได้, ให้ตระหนักถึงสิ่งที่ควรรีบทำ, รู้ถึงว่า สังขารทั้งหลายไม่เที่ยง ให้เร่งรีบปฏิบัติ ให้มีความกล้าเผชิญความจริง ไม่เผลอเพลินไป, รีบดับไฟ, ไฟ คือ ความเกิด ความเจ็บ ความแก่ ความตาย, ไฟ คือ ราคะ โทสะ โมหะ มันเผาเราอยู่แล้ว เราต้องรีบดับไฟนี้เสีย
สมาธิ สติ ปัญญา ใช้ในการพัฒนาจิตของเราให้หลุดพ้นจากสังขาร การเปลี่ยนแปลง ความยึดถือต่าง ๆ, ให้อยู่กับทุกข์ ก็ไม่ทุกข์ หรืออยู่เหนือสุขเหนือทุกข์ได้ นั่นเอง.
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Mon, 09 Oct 2023 - 1h 00min - 332 - ชน ผู้ฝึกจนประเสริฐ [6640-2m]
“การฝึก” จะทำ จิตของมนุษย์ทุกคนที่ได้ฝึกนั้น, ให้เป็นผู้ที่ประเสริฐขึ้นมาได้.
ทนฺโต เสฏฺโฐ มนุสฺเสสุ คือ บุคคลผู้ที่ฝึกแล้ว ประเสริฐกว่ามนุษย์ทั้งหลาย.
ตั้งสติ โดยการใช้อานาปานสติ ใช้ลมหายใจเป็นเครื่องมือ, ปิดช่องทั้งห้า ตา หู จมูก ลิ้น กาย, เหลือแต่ช่องทางใจ, ขุดลงไปในจอมปลวก ในช่องทางใจ คือ การทำความเพียร, เมื่อมีสติ จะเกิดสมาธิ และเกิดปัญญา, เราใช้ปัญญาทำความเพียร ขุดลงไป, เราจะเจอจิต, จิตมีความเป็นประภัสสร นั่นคือ สมาธิ, เพ่งเฉพาะซึ่งจิตที่ตั้งมั่นแล้ว อุเบกขา ความวางเฉยจะเกิด, แล้วเอาอุเบกขานั้นมาพิจารณาให้เกิดปัญญา, เราจะเห็น สมาธิก็ไม่เที่ยง จิตก็ไม่เที่ยง, เป็นทุกข์ ไม่ใช่ตัวตนของเรา, ฝึกบ่อย ๆ, ฝึกด้วยปัญญา, วางซะ วางความยึดถือในจิตนี้, ฝึกด้วยสติ จะมีวิมุตติเป็นที่แล่นไปสู่ วิมุตติก็จะมีนิพพานเป็นที่แล่นไปสู่.
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Mon, 02 Oct 2023 - 57min - 331 - มุนี ผู้อยู่กับปัจจุบัน [6639-2m]
เจริญอานาปานสติ กำหนดสติให้อยู่กับปัจจุบัน ไม่เพลินกับสิ่งที่ผ่านเข้ามาในปัจจุบัน, ไม่คำนึงถึงสิ่งที่ล่วงมาแล้ว แต่เก็บไว้เป็นประสบการณ์ ปล่อยวาง ให้อภัยได้, ไม่ควรมุ่งหวังสิ่งที่ยังไม่มาถึง แต่วางแผนได้โดยไม่ไปยึดถือ, นี่คือการกำหนดสติอยู่กับปัจจุบัน ด้วยกำลังสติ สัมปชัญญะ เห็นแจ้งในธรรมปัจจุบัน, สร้างความเคยชินใหม่ อย่างเร่งด่วน,
เพราะ เหตุแห่งความตายมีมาก, การอยู่แบบนี้มีคุณค่ามาก, แม้เพียง วันเดียวคืนเดียว, ท่านเปรียบว่า เป็นผู้มีราตรีหนึ่งเจริญ เป็นมุนี, ให้เราสามารถเห็นทางออก, ทำความเพียร, เราจะพ้นจากเงื้อมมือของมัจจุราชได้, ไม่เกิด คือ ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย.
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Mon, 25 Sep 2023 - 53min - 330 - ชราและมรณะเป็นประดุจภูเขา [6638-2m]
เจริญมรณสติ พิจารณาถึงความตาย ว่าความตายเป็นเหมือน ภูเขาหินศิลาใหญ่ กลิ้งบดปวงสัตว์มาโดยรอบทั้งสี่ด้าน ไม่มีใครรอดพ้นไปได้, ในช่วงเวลาที่เหลือ, เราจะอยู่ด้วยการ ประพฤติธรรม ประพฤติสม่ำเสมอ สร้างกุศล บำเพ็ญบุญ นั่นคือ อริยมรรคมีองค์แปด หรือศีล สมาธิ ปัญญา, ซึ่งเป็น ปฏิปทาในการดับอุปาทาน ดับตัณหา ดับ อวิชชา เพื่อให้มี วิชชาเกิดขึ้น นั่นคือ มีปัญญา, เมื่อ “ไม่มีเกิด ก็ไม่มีตาย”, เราจึงพ้นจาก ความตาย ได้นั่นเอง.
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Mon, 18 Sep 2023 - 55min - 329 - พิจารณาปัจจัยสี่เพื่อการพัฒนา [6637-2m]
พิจารณาปัจจัยสี่ โดยแยบคาย, เพื่อไม่ให้เผลอเพลิน ไปในการใช้สอยปัจจัยสี่ต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน,
เริ่มจากกำหนดตามดูลมหายใจ, “จิต ลมหายใจ สติ” อยู่ด้วยกัน เพื่อให้สติมีกำลัง แล้วจะเกิดเป็นสมาธิขึ้น,
พิจารณาโดยแยบคายในปัจจัยสี่: เครื่องนุ่งห่ม อาหาร ที่อยู่อาศัย เภสัช ให้เป็นการภาวนา,
โดยใช้ ปัจจัยสี่ เพื่อบำบัดความหนาว บำบัดความร้อน ป้องกันเหลือบ ยุง ลม แดด และสัตว์เลื้อยคลาน บรรเทาอันตรายอันพึงจะมีจากดินฟ้าอากาศ, บริโภคอาหารแต่พออิ่ม เพื่อระงับเวทนา พิจารณาอาหารเป็นของปฏิกูล, สร้างกุศลในเสนาสนะ เป็นที่อยู่ พอที่จะหลีกเร้นบำเพ็ญภาวนา อย่าใช้เป็นที่ที่จะเสพกาม, บริโภคยาเพื่อบำบัดเวทนา, พัฒนาจิต เพื่อลดละกิเลส ภาวนาได้ตลอด 24 ชั่วโมง.
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Mon, 11 Sep 2023 - 56min - 328 - ผู้ฉลาดในวาระจิตตน [6636-2m]
เราพึงเป็นผู้ฉลาด ในวาระจิตแห่งตนเถิด
เจริญจิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน เห็นจิตในจิต เพื่อตรวจดูจิตของตนเอง, เพื่อทำความฉลาดในวาระจิตของตนเอง,
1. ตรวจดูจิตเราสงบ มาก-น้อยแค่ไหน,
โดยใช้ “สติ” ตั้งขึ้น เพื่อให้จิตมีกำลัง, ลดการฟุ้งซ่าน ลดความคิดนึก, ลดความโกรธ, ทำอย่างต่อเนื่อง จิตจะระงับลง, มีอารมณ์อันเดียว, รักษาสมาธิด้วยสติ ให้ตั้งมั่นอย่างต่อเนื่อง, สำรวจดูบ่อย ๆ
2. ตรวจสอบ ดูจิตของเราว่า เรายังมีความยึดถือ ในสิ่งต่าง ๆ มาก-น้อยแค่ไหน,
โดยใช้ “ปัญญา” ให้เห็นตามความเป็นจริง, พิจารณาสิ่งต่าง ๆ โดยความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา (ไตรลักษณ์) ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา, ลดความยึดถือในตัวตน, แม้แต่ ตัวจิตเองก็ไม่เที่ยง, มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา, เป็นทุกข์, ไม่ใช่ตัวเราของเรา, วิชชาเกิด อวิชชาดับ, จิตจึงพ้น คือ วิมุตติ, แล้วจิตจึงดำรงอยู่ด้วยสติ, จิตนั้น คือ จิตที่เป็นประภัสสร.
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Mon, 04 Sep 2023 - 58min - 327 - ละสุขจึงพบสุข [6635-2m]
เจริญอานาปานสติ เพื่อให้ สติ, จิต, ลมหายใจ อยู่ด้วยกัน, บางครั้งเราอาจเผลอ เพลินไปกับสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ ต่าง ๆ, หากแต่ท่านบอกว่าให้สละสุขออก เพื่อเอาสุขที่ละเอียดยิ่งขึ้น ประณีตกว่า, ให้เราค่อย ๆ สละ สุขออก, ลักษณะแบบนี้ คือ การพัฒนา หรือภาวนา, สติ-สมาธิมีขึ้น, จากนั้นใคร่ครวญเพื่อให้เกิดปัญญาว่า “สิ่งทั้งหลายทั้งปวง มีความไม่เที่ยง อาศัยเงื่อนไขปัจจัย ปรุงแต่งเปลี่ยนแปลงไป, ทุกสิ่งเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา, เป็นทุกข์ คือ ทนอยู่ได้ยาก, ไม่ควรที่เราจะไปยึดถือว่าเป็นตัวเราของเรา, พิจารณา อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา, เพื่อละความยึดถือในตัวเราของเรา, ทำซ้ำ ทำย้ำลงไป “สละสุขพอประมาณ เพื่อให้ได้สุขอันไพบูลย์ ละเอียดประณีตกว่า”, จะ ละ สักกายทิฏฐิ, ละ วิจิกิจฉา, ละ สีลัพพตปรามาสได้ คือโสดาบัน และมุ่งสู่พระนิพพานอย่างเดียว, วิปัสสนา ที่เรากระทำแล้ว, ปัญญาจะเจริญ, เกิดปัญญาแล้ว, จะ ละ อวิชชาคือความไม่รู้, เกิด “วิชชา”ได้.
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Mon, 28 Aug 2023 - 57min - 326 - วิปัสสนาพาพ้นทุกข์ [6634-2m]
เมื่อมีสติ จิตจะแยกแยะ และไม่เพลินไปตามการรับรู้ที่ผ่านเข้ามา,
จิตเราก็จะไม่สะดุ้ง สะเทือนไปตามผัสสะที่เข้ามากระทบ, รู้สักแต่ว่า “รู้”,
หากแต่จิตที่มีอวิชชา ตัณหา จะไปเชื่อมติดกันกับสิ่งต่าง ๆ ที่ผ่านทางวิญญาณ (การรับรู้) เกิดความเพลิน คือ นันทิ, เชื่อมความอยาก (โลภะ), ความไม่พอใจเป็นโทสะ, ความไม่เข้าใจด้วยเป็นโมหะ, เกิดเวทนา เกิดความยึดถือ คือ อุปาทาน เกิดเป็นตัวตน คือ อัตตา, จิตเข้าไปก้าวลง เกิดสภาวะ, เกิดทุกข์ ไม่สิ้นสุด,
เราทำวิปัสสนา เพื่อให้เห็นตามความเป็นจริง พิจารณา ไตรลักษณ์ คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา,
ทุก ๆ สิ่ง มีความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ คือ ทนอยู่ไม่ได้ เพราะเปลี่ยนแปลงตลอด, ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขปัจจัย จึงไม่มีความเป็นตัวตน คือ เป็นอนัตตา,
พิจารณา กายเป็นเพียงธาตุสี่ ไม่ใช่ตัวเราของเรา, พิจารณาอย่างนี้ ตลอดเวลา แม้ในชีวิตประจำวัน,
ปัญญา แสงสว่าง ที่ทำให้เจริญอยู่อย่างต่อเนื่อง, จะเกิด “วิชชา” ความรู้ขึ้นมาได้, อวิชชาก็ต้องดับไป.
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Mon, 21 Aug 2023 - 56min - 325 - สมถะเพื่อพัฒนาจิต [6633-2m]
ฝึกสติโดยการเจริญอานาปานสติ โดยเริ่มจากเสนาสนะอันสงัด คู้ขาเข้ามาโดยรอบ ตั้งกายตรง,
ตั้งจิตให้สงบด้วยสัมมาสติ คือ ระลึกถึงสิ่งที่เป็นกุศล ด้วยลมหายใจเข้า-ออก ของเราเอง สติก็จะมีกำลังมากขึ้น,
สติที่มีกำลังมากขึ้นนั้น เปรียบเหมือนเสา และเชือกที่แข็งแรง ไม่ล้ม ไม่ขาดไปตามแรงสัตว์หกชนิด หรืออายตนะทั้งหก, สติที่มีกำลังนั้น เปรียบเหมือนกระดองเต่าที่ป้องกันภัยจากสุนัขจิ้งจอก หรือผัสสะต่าง ๆ ที่เข้ามา ตลอดเวลา ๆ, เก็บจิตรักษาจิตของเราไว้ด้วยสติ เหมือนเต่ารักษาอวัยวะไว้ในกระดอง,
พอจิตเรามีกำลังสติเพิ่มขึ้นเพิ่มขึ้น, สมาธิก็เกิดขึ้นได้เอง เป็นสมถสมาธิ เป็นของประณีต, ทำให้มาก เจริญให้มาก, พัฒนาสมถะให้มาก, จิตเรา “ละ” ราคะได้.
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Mon, 14 Aug 2023 - 58min - 324 - มหาบุรุษผู้พ้นด้วยสติปัญญา [6632-2m]
กำหนดจิตไว้ที่ลมหายใจ ตั้งสติไว้, สติก็เป็นตัวแยกวิญญาณ ออกจากจิต
“ผู้ใดรู้ชัดซึ่งส่วนสุดทั้งสองด้าน ไม่ยึดติดในท่ามกลางเราเรียกผู้นั้นว่า เป็นมหาบุรุษ, ผู้นั้นชื่อว่า ล่วงพ้นเครื่องร้อยรัด”
มีสติระลึกอยู่ตลอด, จิตไม่เผลอ คือ รับรู้เฉย ๆ กับผัสสะที่เข้ามากระทบ, ไม่เอานาม ไม่เอารูป, ในขณะนั้นจิตก็ไม่มีอวิชชา, ไม่มีตัณหา ความอยาก, อุปาทาน ความยึดถือก็จางคลาย, ความเป็นสภาวะ ภพ ก็ดับไป, เพราะไม่ไปยึดถือในส่วนสุดสองข้าง, อยู่เหนือสุขเหนือทุกข์ อยู่เหนือการปรุงแต่ง อยู่เหนือนามอยู่เหนือรูป อยู่เหนือวิญญาณ อยู่เหนือสังขาร, อยู่เหนือ อวิชชา, อวิชชาตัณหากิเลสไม่เอา, จิตเราจะเข้าสู่ความเป็นอมตะ คือ ไม่ตายเพราะ ไม่เกิด นั่นคือ เป็นมหาบุรุษ.
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Mon, 07 Aug 2023 - 55min - 323 - การบูชาไฟ [6548-2m]
เจริญอานาปานสติ ใคร่ครวญธรรม หมวดเรื่องของการบูชาไฟ “ไฟที่ควรละ ไฟที่ควรบูชา” ด้วยจิตที่เป็นสมาธิ
มีไฟอยู่สามกองที่ควรละ ควรเว้น เพราะเป็นไฟแห่งอกุศล คือ ไฟแห่งราคะ ไฟแห่งโทสะ ไฟแห่งโมหะ
ไฟอีกสามประการที่ควรสักการะ เคารพ นับถือ บูชา จะต้องบริหารให้อยู่เป็นสุข คือ ไฟคืออาหุไนยบุคคล ไฟคือคหบดี ไฟคือทักขิไณยบุคคล
ไฟคืออาหุไนยบุคคลได้แก่ มารดา บิดา
ไฟคือคหบดี คือ คนรอบข้างตัวเรา ทั้งคู่ครอง ทั้งครอบครัว ทั้งญาติพี่น้อง คนงานและ
ไฟคือทักขิไณยบุคคล คือ สมณพราหมณ์ ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
ใช้กาย วาจา ใจเป็นเครื่องบูชาที่จะประคับประคองไฟ คือ อาหุไนยะ คหบดี ทักขิไณยะ ได้โดยเริ่มจากให้มีสติ ตั้งขึ้นไว้ คือ มีสัมมาสติ, สัมมาวายามะ ตามมา คือ มีความเพียรพยายามเพิ่มกุศลธรรมตั้งจิตให้ดี รักษาจิตให้ถูก มีเมตตา มีอุเบกขา ก่อให้เกิด, สัมมาทิฐิ หมายถึงความรู้ หมายถึงปัญญา ที่เราจะต้องใคร่ครวญ ไตร่ตรอง โยนิโสมนสิการ, มีสัมมาวาจา, เกิดสัมมาสังกัปปะ คือ ความดำริชอบ เราจะควบคุมความคิดของเรา ทำสิ่งที่เป็นกุศลทั้งกาย วาจา ใจ, เกิดสัมมากัมมันตะและสัมมาอาชีวะ ดำเนินชีวิตการกระทำทางกาย การกระทำที่ถูกต้อง อาชีพที่ถูกต้อง เพราะกิเลสลดลง
เมื่อเราประคับประคองบูชาไฟที่ถูก จิตของเราจะเป็นอารมณ์อันเดียว นี้คือสมาธิ เกิดเป็นสัมมาสมาธิ เมื่อครบองค์ประกอบอันประเสริฐแปดอย่าง จิตสว่าง จิตนิ่งดิ่ง สงบเป็นประภัสสร แม้จิตประภัสสรก็ไม่เที่ยง ไม่ควรที่เราจะไปยึดถือ ไม่ใช่ตัวเรา ไม่มีตัวตน เป็นทุกข์ เห็นด้วยปัญญา วิชชาเกิด อวิชชาดับ นิพพาน คือ ความเย็นก็เกิดขึ้น
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Mon, 28 Nov 2022 - 1h 02min - 322 - อปฺปฏิวาณี ความไม่ถอยกลับ [6547-2m]
เจริญพุทธานุสติ ตามระลึกถึงความเพียรชนิดที่ไม่ถอยกลับของพระพุทธเจ้า
ในตอนก่อนที่พระพุทธเจ้าจะตรัสรู้ ท่านได้ตั้งจิตไว้ซึ่ง อปฺปฏิวาณี หมายถึง ความไม่ถอยกลับ คือ ไม่สำเร็จ ไม่เลิกกลางคัน
คือ ภายหลังที่พระองค์กลับมาปฏิบัติตามทางสายกลาง อยู่ตามลำพัง แม้ว่ามีความเพียรในการปฏิบัติตามทางสายกลางอย่างสูง หากแต่ ก็มีหลายครั้งที่สมาธิก็เสื่อมไป จิตใจมีความสงบบ้าง ไม่สงบบ้าง เกิดมีความท้อแท้ พระองค์จึงต้องการกำลังใจอยู่บ้าง พระองค์จึงทรงตั้งจิตอธิษฐาน เพื่อสร้างกำลังใจให้ตัวเองว่า ฉันต้องบรรลุธรรมให้ได้ เราจะต้องไม่ถอยกลับในการทำความเพียรนี้ อธิษฐานลงไปอีก ตั้งใจลงไปอีก แม้ว่ามีกองทัพมารมากวน พระองค์ก็ทรงมีจิตแน่วแน่ จะไม่ลุกจากที่นั่ง ถ้าไม่บรรลุธรรม
อธิษฐานเอาไว้ตั้งใจมั่นอย่างแรงกล้าในการที่จะทำสิ่งนี้ให้สำเร็จ ถ้าไม่สำเร็จไม่เลิกกลางคัน นั่นคือ จิตตะ วิมังสา คือ การพิจารณาไตร่ตรองใคร่ครวญแก้ไขปรับปรุง มีฉันทะ มีวิริยะ คือ ความกล้า กล้าในการที่จะเผชิญหน้า กล้าที่จะลงมือทำ คือ อิทธิบาทสี่
จนเกิดปัญญา เห็นรูปแบบของการเกิด การดับ เห็นเหตุ ปัจจัย อาสวะ เห็นอริยสัจสี่ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค พิจารณาจนกิเลสหมดไปจากจิตท่าน เหมือนตาลยอดด้วน คือ ไม่ให้มี ไม่ให้เกิดขึ้น อีกต่อไปแล้ว จึงเป็นจุดเริ่มต้นของพระพุทธศาสนาจากความเพียรที่ไม่ถอยกลับของพระองค์
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Mon, 21 Nov 2022 - 1h 03min - 321 - ธรรมที่คู่กัน [6631-2m]
เจริญธัมมานุสสติ พิจารณาธรรมที่คู่กัน คือ
อินทรีย์หก คือ ความเป็นใหญ่ของช่องทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ และ
อินทรีย์ห้า หรือพละห้า คือ ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา
โดยจิตที่มีกำลังจาก “อินทรีย์ห้า หรือพละห้า” จะทำให้เราไม่ไหลไปตามกระแสของตัณหาที่ไหลเชี่ยว
จะช่วยให้เราทวนกระแสของ อินทรีย์หก โดยมี “สติ” เป็นตัวปรับจูน เพื่อให้กระแสน้ำของเรา ไหลไปตามกระแสแม่น้ำเดียวกัน ที่จะไปออกสู่ทะเลได้ คือ นิพพาน นั่นเอง.
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Mon, 31 Jul 2023 - 54min - 320 - ประตูแห่งประโยชน์ [6630-2m]
เจริญพุทธานุสติ ระลึกถึงคุณธรรมของพระพุทธเจ้า
เพื่อไปตามทางที่ท่านพาดำเนินไป เปิดประตูแห่งประโยชน์,
ใคร่ครวญธรรมะชื่อว่า ประตูแห่งประโยชน์,
ท่านให้แนวทางไว้ หกประการ เพื่อใช้ตัดสินใจ แล้วได้ประโยชน์มากที่สุด
หนึ่ง คือ ความไม่มีโรค, สอง คือ ศีล, สาม คือ การคล้อยตามผู้รู้, สี่ คือ การสดับรับฟัง, ห้า คือ การประพฤติธรรม และหก คือ ความไม่ท้อถอย, หกประการเหล่านี้เป็นประตูแห่งประโยชน์, เราจะมีความแจ่มแจ้งมีความเข้าใจ, จะรู้ทางไปที่ดีได้ จะเป็นประโยชน์ในชีวิตของเรา.
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Mon, 24 Jul 2023 - 56min - 319 - ทางไปต่อ อยู่ตรงรอยต่อ [6629-2m]
ช้างของพระราชาที่ควร ช้างสั่งให้ไปสู่ทิศใด ที่เคยไปหรือไม่เคยไป ก็ย่อมไปสู่ทิศนั้นโดยพลันท่านเทียว,
เจริญอานาปานสติ เพื่อฝึกพาจิตของเราไปตามทางอันเกษม ทางอันมีองค์ประกอบอันประเสริฐแปดอย่าง ไปตามทางที่เราไม่เคยไป คือ นิพพาน,
เปรียบเราเหมือนช้างที่ออกจากป่า คือ มีสัมมาทิฏฐิ เพื่อมาฝึกแสวงหาปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้า (คนฝึกช้าง), เพื่อให้จิตสงบ ไม่เผลอเพลิน จึงจำเป็นต้องผูก “จิต” ไว้กับ “สติ” ด้วย “ลมหายใจ” เปรียบเหมือนผูกช้างไว้กับเสาด้วยโซ่ตรวน
เมื่อสติมีกำลัง มากขึ้น, ควาญช้างจะสั่งให้ไปสู่ทิศใด ที่เคยไปหรือไม่เคยไป ก็ต้องไปสู่ทิศนั้น
เปรียบเราฝึกจิต ให้รับคำสอนของพระพุทธเจ้า นอบน้อมเดินตามทาง, ที่เราไม่เคยไปในสังสารวัฏ, ให้จงไปตรงนั้น คือ นิพพาน,
จุดทางเข้านิพพาน, คือ เราต้องเห็นรอยต่อ, รอยต่อ คือ เห็นความไม่เที่ยง, เห็นการเกิดขึ้น การดับไป ของทุกอย่างที่เราเห็น ได้ยิน ได้สัมผัสนั้น, ณ ปัจจุบัน, นั่นจะเป็นประตู,
แล้วเคาะประตู คือ น้อมเข้ามาสู่ตัวเราว่า, จิตเราก็ไม่เที่ยง, ใคร่ครวญว่า ไม่เที่ยง คือ ทุกข์, ไม่ใช่ตัวตนของเรา, เราไม่ควรจะยึดถือ, ให้วางความยึดถือนั้นเสีย, วางด้วยปัญญานั้นคือ เปิดประตูเข้าไปเลย,
จิตจึงดำรงอยู่ด้วยดี
มีความร่าเริงอยู่ด้วยดี ตั้งอยู่ด้วยดีด้วยสติ,
ชื่อว่ารับเอาปัญญาที่พระพุทธเจ้าท่านมอบไว้,
ให้เป็นผู้มีส่วนแห่งปัญญาที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสรู้แล้ว
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Mon, 17 Jul 2023 - 58min - 318 - หนทางแห่งการไม่เกิดอีก [6628-2m]
เจริญธัมมานุสติ คือ การระลึกถึงธรรมะ, ใคร่ครวญบทแห่งธรรมในชื่อที่ว่า อชาตสูตรคือการไม่เกิดอีก,
ตั้งสติให้เกิดขึ้น จากการปรุงแต่ง คำว่าธัมโม, จนจิตระงับลง, อาจมีความคิดนึกนั่นคือ มีวิตก วิจารอยู่บ้าง นี่คือฌานหนึ่ง,
นั่นคือ จิตเป็นสมาธิแล้ว, เกิดเป็นสัมมาสมาธิ, องค์ประกอบอันประเสริฐแปดอย่างได้เกิดขึ้นแล้ว,
สติก็พัฒนาขึ้นไปอีก, ให้มีความละเอียดลงละเอียดลง, ความคิดนึก วิตกวิจาร ระงับ, เข้าสู่ฌานสอง, สติตั้งไว้ตลอด ต่อเนื่องๆ, ความระงับลงก็มากขึ้น ละเอียดลงไปอีก, จะเหลือแต่อุเบกขาสุข คือ วางเฉย แต่ยังมีสุขเจืออยู่ คือ ฌานสาม, สติเราตั้งไว้ไม่เผลอ ความระงับลงก็ลึกซึ้งไปอีก, เหลือแต่อุเบกขาล้วน ๆ คือ ฌานสี่, ฝึกทำอย่างนี้เข้า ๆ ออก ๆ อยู่เรื่อย ๆ, จนอินทรีย์แก่กล้า,
ใคร่ครวญ ธรรมะพระพุทธเจ้า “สิ่งที่ไม่เกิด ไม่เป็น ไม่ถูกอะไรทำ ไม่ถูกอะไรปรุง นั้นมีอยู่”,
ด้วยจิตที่เป็นสมาธิ ถ้าว่า “การเกิด การปรุง มีอยู่, การดับ การไม่ปรุงก็ต้องมี”,
แล้วจะให้ดับ นั่นคืออย่าไปสร้างเหตุ, นั่นคือ ให้เหตุดับ, ด้วย
“การปรุงแต่ง ที่ลดลง ระงับลง, เป็นปัจจัยเงื่อนไขให้เกิด ความมี ความเป็น ลดลง ลดลง”,
ปฏิบัติไปตามทางนี้ ให้อินทรีย์แก่กล้าขึ้น, จนจิตระงับลง ระงับลง เข้าสู่สภาวะที่ไม่เกิด, ไม่มี, ไม่ถูกอะไรทำ, ไม่ถูกอะไรปรุงแล้ว, มาตามทางนี้, ทางอันมีองค์ประกอบอันประเสริฐแปดอย่าง, แล้วเราจะอยู่เหนือสุขเหนือทุกข์ได้.
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Mon, 10 Jul 2023 - 55min - 317 - ห้านาที่ที่มีสุขด้วยมรณสติ [6627-2m]
พิจารณาให้เห็นว่า “เหตุปัจจัยแห่งความตายนั้นมีมาก”,
จึงควรอยู่ด้วยการไม่ประมาท ด้วยการเจริญมรณสติ,
การเจริญมรณสติไม่ได้คิดถึงความตาย,
แต่ให้คิดว่า ช่วงที่เราอยู่ เราจะอยู่อย่างไร,
เราจะตัดกระแสนี้ได้ โดยการตั้งสติไว้, ให้คิดเรื่องที่ดี, อย่าให้มีอกุศล กาม พยาบาท เบียดเบียน, ทั้งทางกาย และความคิด,
ถ้าจะคิด, ให้คิดอุเบกขา-วางเฉย, คิดมุทิตา-ยินดี, คิดกรุณา-ปรารถนาให้พ้นทุกข์, คิดเมตตา-ปรารถนาให้มีความสุข,
พูดแต่เรื่องที่เป็นกุศล เรื่องที่จะเป็นความอ่อนน้อม ประนีประนอม,
อย่าฆ่าสัตว์ ไม่โกหก ไม่ขโมย ไม่เบียดเบียนทั้งตนเองและผู้อื่น แบ่งปัน ให้ทาน, ไม่ประมาท
อยู่แบบนี้มีอานิสงส์มาก มีผลมาก เป็นทางที่จะไปสู่นิพพาน.
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Mon, 03 Jul 2023 - 55min - 316 - ลุกขึ้นเถิด จงตื่นจากความหลับ [6626-2m]
เจริญพุทธานุสสติ ธัมมานุสสติ สังฆานุสสติ
ลุกขึ้นทำความเพียร ให้เห็นด้วยปัญญาว่า จิตนั้น ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่ใช่ตัวเราของเรา,
สติจะควบคุมจิตไว้ ไม่ให้สะดุ้งสะเทือนตามผัสสะที่เข้ามากระทบ, นั่นคือ บรรลุสันติธรรม คือ ความสงบจากสิ่งภายนอก, หากแต่ความสงบนี้ก็ไม่เที่ยง,
เนื่องจากจิตมีความเป็นประภัสสร คือ เปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งนั้น สิ่งนี้ ตามการรับรู้, หากเราไม่มีสติควบคุมไว้ สิ่งนั้นก็กลายเป็นสิ่งที่มีอำนาจเหนือจิตขึ้นมาทันที, เกิดความเป็นตัวตนขึ้นมาอีก,
ปัญญาจากการระลึกถึงพุทโธ ธัมโม สังโฆ, จะฉายให้เห็นว่า, จิตไม่เที่ยง, จิตไม่ใช่ตัวเรา, จิตเป็นเพียงกระแสของวัฏฏะ, ที่มีความต่อเนื่องๆ เกิด-ดับ เกิด-ดับ สืบต่อมา, ไม่ควรยึดถือว่าเป็นตัวเราของเรา, วางความยึดถือใน “จิต” นั้นเสีย, ให้มาทางมรรคมีองค์แปด, ทางกายให้เป็นไปด้วย สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ, ทางวาจาให้เป็นไปด้วยสัมมาวาจา, ทางใจก็ให้เป็นไปด้วยสัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ,
วางความยึดถือใน “จิต”, ปฏิบัติตามทางมรรคมีองค์แปด, มีสติสัมปชัญญะ, มีปัญญา, มีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นที่พึ่งอันสูงสุด.
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Mon, 26 Jun 2023 - 54min - 315 - พิจารณาปัจจัยสี่โดยความเป็นธาตุ [6625-2m]
เจริญอานาปานสติ คือ เพื่อให้เกิดสติ สมาธิ ปัญญา
พิจารณาสิ่งที่สัมผัสได้ด้วยกาย คือ ปัจจัยสี่, อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค นั้นเป็นไปตามธรรมชาติของเขา,
ให้เห็นว่า “ธาตุมัตตะโก คือ สักว่าเป็นธาตุตามธรรมชาติ, ธาตุมัตตะเมเวตัง คือ เป็นของมันอยู่อย่างนี้ มันเป็นธรรมชาติของมันอย่างนี้, ยะถาปัจจะยัง คือ เป็นไปตามเหตุตามปัจจัยของมันอยู่แล้ว, นิสสัตโต ไม่ได้เป็นสัตวะอะไรที่ยั่งยืน, นิชชีโว ไม่ได้เป็นชีวะอันเป็นบุรุษบุคคล ตัวตนเราเขา, สุญโญ ว่างเปล่าจากความหมายแห่งความเป็นตัวตน”
พิจารณาปัจจัยสี่ อาหาร ยา ที่ทานเข้าไป ไม่มีชีวิต, ก็เป็นเพียงธาตุดิน น้ำ ไฟ ลม อากาศธาตุ ธาตุรู้, ถูกย่อยแล้วไปเสริมให้กายเราคงอยู่ได้ชั่วคราว คือ นิสสัตโต ไม่ได้เป็นอะไรที่ยั่งยืน, เป็นนิชชีโว ไม่ใช่เป็นตัวตน แต่อยู่ชั่วคราวตามเงื่อนไขปัจจัย, เป็นอย่างนี้ ด้วยความเป็นธาตุของเขาตามธรรมชาติ คือธาตุมัตตะโก, พิจารณาเจาะลึกเข้าไปถึงระดับโมเลกุล จะมีช่องว่างอยู่เต็มไปหมด, เป็นสุญโญคือว่างเปล่า ไม่ได้เป็นตัวตน,
พิจารณาซ้ำๆ ย้ำๆ ตามแนวทางของอริยสัจสี่ อริยมรรคมีองค์แปด ตามความจริงที่ปรากฏขึ้น จะเกิดปัญญาในขั้นโลกุตระ, พิจารณาธาตุสี่ ปัจจัยสี่ ให้เห็นถึงความไม่ใช่ตัวตน, เพื่อเกิดปัญญาปล่อยวางกายนี้ได้.
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Mon, 19 Jun 2023 - 58min - 314 - ความจริงที่แท้จริง คือ อิทัปปัจจยตา [6624-2m]
ทุกอย่างในโลกล้วนเป็น “อิทัปปัจจยตา คือ ความที่สิ่งนี้สิ่งนี้เป็นปัจจัย แล้วจึงเกิดสิ่งนี้สิ่งนี้ขึ้น ไม่ได้เป็นของตัวมันเอง”
พิจารณาให้เห็นความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตาอนิจจา เกิดขึ้นตลอดเวลา แม้แต่ลมหายใจเข้า-ออก ก็มีเหตุปัจจัยของเขา เกิดขึ้น ดับไป หรือตัวเราก็เป็นเพียงธาตุดิน น้ำ ไฟ ลม อากาศธาตุ วิญญาณธาตุ หรือธาตุรู้ ประกอบกันขึ้นเท่านั้น หรือแม้จิตเราก็เกิด-ดับตามผัสสะที่มากระทบโดยมีกายเป็นสื่อเท่านั้น
นี่คือความจริง เป็นสัจจะ
เราจะเห็นความจริงนี้ได้ด้วยสติ เมื่อมีสติ สมาธิก็เกิด มีสมาธิแล้วใคร่ครวญจึงเกิดปัญญาขึ้น สติ สมาธิ ปัญญา ก็คือ สติปัฏฐานสี่ ก็คือ อานาปานสติ
เมื่อมีปัญญาที่ “ต่อ” มาจากพระพุทธเจ้า ตามแนวที่พระพุทธเจ้าพิจารณาเอาไว้,
เราจะเห็นความจริงด้วยปัญญาว่า จิตของเราก็ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ไม่ควรที่จะไปยึดถือ
“เมื่อปัญญาหรือวิชชาเกิด อวิชชาก็ดับ”
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Mon, 12 Jun 2023 - 57min - 313 - อานาปานสติเพื่อความเป็นอาชาไนย [6623-2m]
เจริญอานาปานสติปัฏฐาน เพื่อฝึกตนให้เป็นบุคคลอาชาไนย,
เอาจิตเพ่งอยู่ที่ลมหายใจ การเพ่งมีสองแบบ คือ เพ่งแบบกระจอก และเพ่งอย่างอาชาไนย,
เพ่งแบบกระจอก คือ เพ่งไปในเรื่องที่จะให้เกิดนิวรณ์ ในเรื่องของความเศร้าหมองแห่งปัญญา จิตที่เพ่งกับสิ่งต่างๆ เหล่านั้น จะเพลินไปตามอารมณ์ จะสะดุ้งสะเทือนตลอดเวลา นั่นคือ บุคคลไม่อาชาไนย,
หากแต่บุคคลอาชาไนย คือ ผู้ที่ใช้จิตจดจ่อ เพ่ง (ควบคุม) อยู่ที่ลมหายใจ เพื่อให้เกิดสติ เพื่อให้เกิดสมาธิ ไม่เพ่งไปตามนิวรณ์ ไม่เพลินไปตามผัสสะ จิตก็จะไม่สะดุ้งสะเทือน และพร้อมที่จะฝึกให้ยิ่งๆ ขึ้นไป,
เมื่อจิตมีสติ เป็นสมาธิแล้ว เราใช้สมาธิเป็นเครื่องมือให้เกิดปัญญา ด้วยการ “น้อมจิต” ไป พิจารณากายเรา เป็นเพียงธาตุสี่ “ดิน น้ำ ไฟ ลม” เป็นธาตุสี่ที่เหมือนกับ ดิน น้ำ ไฟ ลม ที่อยู่ภายนอกเรานั่นเอง, จะเห็นว่ากายเราเป็นเพียงของที่ยืมเขามา, ไม่เที่ยง เพราะเปลี่ยนแปลงไปตามเหตุปัจจัย, เมื่อเปลี่ยนแปลง จึงเป็นทุกข์ เพราะทนอยู่ไม่ได้, เมื่อเปลี่ยนแปลงตามเหตุปัจจัย นั่นคือ เป็นอนัตตา ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ตัวตนของเรา,
เข้าใจอย่างนี้ จึงเรียกว่าเข้าใจถูก แบบบุคคลอาชาไนย,
การเพ่งแบบนี้จะได้รับการนอบน้อมสูงสุด จะได้รับการบูชาสูงสุด เพราะเป็นบัณฑิตขั้นสูงสุด สูงสุดแบบพระอรหันต์.
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Mon, 05 Jun 2023 - 57min - 312 - การภาวนาในขันธ์ทั้งห้า [6622-2m]
เจริญธัมมานุปัสนาสติปัฏฐาน ใคร่ครวญธรรมะเรื่อง ขันธ์ห้า, ภาวนาพิจารณาอริยสัจสี่ หรือมรรคแปด ลงไปในขันธ์ทั้งห้าเพื่อให้เกิดปัญญา
พิจารณาใคร่ครวญ ขันธ์ห้า ที่มีเพียงรูปและนาม ด้วยจิตที่สงบให้เห็นถึงความไม่เที่ยง ไม่มีตัวตนคือเป็นอนัตตา เปลี่ยนแปลงตามเงื่อนไขปัจจัย มีเกิด มีดับ อยู่ตลอดเวลา
หากแต่เมื่อใด เราเผลอเพลินพอใจ ลุ่มหลงตามสิ่งที่ไม่มีตัวตน เป็นอนัตตา, ความเพลินความพอใจนั้นคืออุปาทาน คือความยึดถือ เกิดขึ้นในสิ่งที่เป็นอนัตตา, จึงเผลอเข้าใจว่าสิ่งนั้นเป็นของเรา เป็นตัวตนของเรา เป็นเรา, เกิดเป็นอัตตาขึ้นมา, ทุกข์จึงเกิดขึ้น ไม่สิ้นสุด
จะดับทุกข์ได้ ต้องเห็นขันธ์ทั้งห้าด้วยความเป็นของไม่เที่ยง ไม่ใช่ตัวเราของเรา ด้วยสติ, ด้วยมรรคแปด, ปราศจาก กาม พยาบาท เบียดเบียน, ศีล-สมาธิ-ปัญญา ก็รักษาจิตของเรา ให้มีความสงบ สติตั้งมั่น,
พิจารณาความไม่เที่ยงในช่องทางใจของเรา, เห็นด้วยความเป็นอนัตตา, ละความยึดถือ, ความทุกข์ สะดุ้งสะเทือนไม่เกิด, ปัญญาซึ่งเป็นส่วนที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ก็เกิดกับเราทันที และได้ชื่อว่า เราเป็นผู้มีส่วนแห่งปัญญาของท่าน.
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Mon, 29 May 2023 - 58min - 311 - พุทธกิจห้าประการ ต้นแบบการบริหารเวลา [6621-2m]
เจริญพุทธานุสติเพื่อเข้าใจพุทธกิจ ห้าประการของพระพุทธเจ้า เพื่อเป็นต้นแบบการบริหารจัดการเวลาของเรา
พุทธกิจที่หนึ่ง ตอนเช้าบิณฑบาตด้วยปลีแข้ง โปรดสัตว์ให้ได้ให้ทาน, พุทธกิจที่สอง ตอนเย็นแสดงธรรมต่อคฤหัสถ์, พุทธกิจที่สาม ยามแรกแห่งราตรี อบรมภิกขุสงฆ์, พุทธกิจที่สี่ ยามกลางแห่งราตรี ตอบคำถามเทวดา, พุทธกิจที่ห้า ยามท้ายแห่งราตรี ตรวจอุปนิสัยสัตว์ใดมีอินทรีย์แก่กล้าที่จะบรรลุธรรม
น้อมเข้ามาสู่ตัวเรา ในการแบ่งเวลา อย่างมีประสิทธิภาพ, ไม่ให้สิ่งที่เป็นมิจฉาสมาธิมาดึงเวลาของเราไป ด้วยการปิดช่องทางนั้นเสียเช่นจัดสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสม, ใช้สติสัมปชัญญะจากภายในของเราเอง, รวมถึงการทำแบ่งเวลาให้ทิศทั้งหกอย่างเหมาะสม หรือใช้ปัญญาพิจารณาว่า วันคืนล่วงไปๆ เราทำอะไรอยู่
ด้วยการทำอย่างนี้ การแบ่งเวลาของเราจะมีประสิทธิภาพ
ให้เวลากับทุกด้านของชีวิตอย่างเหมาะสม นี่คือ การภาวนาในชีวิตประจำวัน
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Mon, 22 May 2023 - 58min - 310 - ธรรม และวินัย คือ ศาสดา [6620-2m]
เจริญพุทธานุสติด้วยการตามระลึกถึงพระพุทธเจ้า ระถึงถึงเหตุการณ์ถึงตอนที่พระพุทธเจ้าใกล้ปรินิพพาน
พระพุทธเจ้าทรงตรัสกับพระอานนท์ว่า ดูก่อนอานนท์ธรรมะ และวินัยใดที่เราตถาคตแสดงแล้วบัญญัติแล้วแก่พวกเธอทั้งหลาย เมื่อเราปรินิพพานแล้ว ธรรมะ และวินัยนั้นจะเป็นศาสดาของพวกเธอทั้งหลาย
สติตั้งไว้อยู่กับพุทโธ ธรรรมะนี่แหละที่เป็นศาสดา คือ ผู้สอนแทน จะเป็นสิ่งที่เราเคารพบูชา เป็นสรณะ เป็นที่พึ่ง ที่ระลึกได้ รวมถึงคำสอนที่ออกมาในรูปของวินัย คือ ศีล ที่เป็นระบบแนวทางแห่งความสำเร็จ
พระศาสดา คือ ผู้สอน คำสอน คือ ธรรมะ สังโฆ คือ ผู้ปฏิบัติ นั่นคือ อยู่ที่ตัวเรา
ตราบใดที่เรามีสติตั้งไว้ มีคำสอนตั้งไว้ มีพุทโธ ธัมโม สังโฆอยู่ที่นี่
คำสอน คือ ธรรม และวินัยยังมีอยู่ ศาสนา คือ คำสอนก็ไม่ได้สูญหายไปไหน
ให้ระลึกว่า เราเป็นหนึ่งในผู้ที่รักษาคำสอน เป็นหนึ่งในผู้ที่ปฏิบัติตามโอวาท ยังระลึกถึงองค์พระพุทธเจ้า ผู้ที่บอกสอนเอาไว้อยู่
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Mon, 15 May 2023 - 56min - 309 - อุบายสู่ความวิเวกตามกาลอันควร [6619-2m]
“พึงเข้าถึงปีติอันเกิดแต่วิเวก อยู่ตามการอันควรด้วยอุบายอย่างไร”
ด้วย “ลมหายใจ”เป็นเครื่องมือที่จะหาความวิเวกในจิตของเรา ให้เข้าถึงความอิ่มเอิบใจ ความสบายใจที่อยู่ในภายใน
ให้ยินดีในความสุข,ความปีติ, ความสงัด ให้หาจุดนี้ให้เจอ ด้วยความเพียร
แล้วใช้ความเพียร ตรวจหาสมาธิให้เจอ, ตรวจหาคือสติ, พอมีความสงบ นั่นคือ สมาธิ
สัมมาวายามะ สัมมาสติ และ สัมมาสมาธิ เกิดขึ้นแล้ว, สะสมสติ สะสมความเพียร สะสมปัญญา ทีละน้อยๆ
จิตสงบ-ระงับ ที่เกิดขึ้นจากในภายใน ไม่ต้องอาศัยสิ่งอื่นๆ เป็นเครื่องล่อ นั่นคือปีติอันเกิดจากวิเวก หรือ นิรามิสสุข
ความสะดุ้งสะเทือนหวั่นไหวไปตามการเปลี่ยนแปลง มันจะลดลงหรือมันถึงกลับไม่มีเลย, อกุศลดับไป ไม่เกิด กาม พยาบาท เบียดเบียน, ก็เหลือแต่กุศลอย่างเดียว,
รู้จักแยกแยะได้, มีสติเป็นเครื่องสังเกต, มีปัญญาเป็นเครื่องรู้, มีสมาธิเป็นเครื่องอยู่, มีความเพียร มีศรัทธาเป็นกำลัง,
อินทรีย์ห้า ก็เจริญขึ้นมา, อินทรีย์ห้า เป็นองค์ธรรมแห่งการตรัสรู้, อินทรีย์ห้าเจริญมีความแก่กล้าขึ้นมาก็ตรัสรู้ธรรม.
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Mon, 08 May 2023 - 56min - 308 - สุขต้องสร้าง [6618-2m]
การรอ-การหาความสุขจากผู้อื่น ท่านเปรียบเหมือนว่า เรายืมรถเขามาขับ ยืมเงินเขามาใช้ ถึงเวลาเราต้องคืนเขา
หากแต่เราสามารถสร้างสุขของเราเองได้ ด้วยลมหายใจของเราเอง
คือ การเจริญอานาปานสติ กำหนดสติอยู่กับลมหายใจอย่างต่อเนื่อง กุศลธรรมเจริญ อกุศลธรรมลด นั่นคือ ความเพียร ทำจริง แน่วแน่จริง
จะเกิดความเพียรได้นั้น คือ เราต้องมีศรัทธา ศรัทธานั้น คือ ความมั่นใจว่า 1. เราต้องทำได้ 2. มั่นใจในกระบวนการที่ทำ 3. มั่นใจในผลสำเร็จของการกระทำที่ได้
จะมีศรัทธาได้ เราต้องเห็นทุกข์ เห็นปัญหา เห็นความไม่เที่ยง
เห็นทุกข์จึงทำให้เกิดศรัทธา ผลักดันให้เราลงมือทำนั่นคือมีความเพียร
เมื่อสติจดจ่ออยู่กับลมหายใจ จะทำให้เราเกิดสมาธิ สะสมทีละนิด ทีละนิด จนเกิดเป็นปัญญา
ปัญญาเป็นผลของการที่จิตเป็นอารมณ์อันเดียวผสมกับสมาธิ ผสมกับความเพียร ผสมกันแล้วเกิดปัญญา
ปัญญาที่เกิดขึ้น ก็ทำให้เกิดความมั่นใจ คือ ศรัทธา เกิดความเพียร ลงมือทำ สติก็ยิ่งมีกำลัง จิตก็ยิ่งเป็นสมาธิ ปัญญาก็ยิ่งเกิด เห็นตามความเป็นจริง วนไปๆ เป็นวงจรแห่งความสำเร็จ ตามแนวทางของพระพุทธเจ้า เพื่อที่จะ “ไม่เป็นผู้ร้อนใจ ในภายหลัง”
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Mon, 01 May 2023 - 54min - 307 - พิจารณาสังขารผ่านอนิจจสัญญา [6617-2m]
เจริญอนิจจสัญญา คือ ความหมายรู้โดยเห็นความไม่เที่ยงของสิ่งต่างๆ เห็นได้ด้วยปัญญา
ปัญญาจะเกิดได้ด้วยมาจากสัญญา คือ ความหมายรู้ ซึ่งมีสองอย่าง คือ 1. สัญญาที่เป็นสมาธิ จิตรวมเป็นอารมณ์อันเดียว และ 2. สัญญาที่เป็นความรู้ ความจำ
ส่วนสังขารก็มีสองอย่าง คือ 1. การปรุงแต่งเปลี่ยนแปลงจากสัญญาแบบหนึ่งเปลี่ยนแปลงเป็นสัญญาอีกแบบหนึ่ง และ 2. พระพุทธเจ้าทรงตรัสถึง“สิ่งทุกๆอย่างเป็นสังขาร (ปรุงแต่ง) หมด” เพราะอาศัยเงื่อนไขปัจจัยปรุงแต่งมา ทุกๆ สิ่งจึงมีความไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืน มีความพร่องตลอด จึงเป็นทุกข์ เรียกว่าทุกขอริยสัจ
ให้พิจารณาตามแนวทางของอริยสัจสี่ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค เห็นว่าเป็นของไม่เที่ยง ไม่มีเจ้าของ
ทุกข์ก็ไม่เที่ยง ต้องทำความเข้าใจสมุทัย หรือตัณหาก็ไม่เที่ยง ต้องละ ต้องดับ มรรคแปดก็ไม่เที่ยง แต่ต้องทำ หรือเจริญให้มากๆ
จะเห็นว่าสังขารไม่เที่ยง
เพราะมีเงื่อนไขปัจจัยอาศัยกันมา ไม่ใช่ของเรา
ไม่มีสาระแก่นสารอะไรที่จะเข้าไปยึดถือด้วยความเป็นตัวตน ปัญญา แสงสว่าง เกิดขึ้น ปล่อย ละ วาง ความยึดถือ เหลือแต่ สติ ศีล สมาธิ ปัญญา
ฝึกทำอย่างต่อเนื่อง ปัญญาจะเกิดขึ้นให้เราเห็นสิ่งต่างๆด้วยความเป็นของไม่เที่ยง
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Mon, 24 Apr 2023 - 56min - 306 - ระลึกถึงความตายเพื่อความอยู่ดี [6616-2m]
“เจริญมรณสติ คือ การยอมรับความจริงถึงความตาย แล้วตั้งใจที่จะอยู่ ด้วยความดี คือ อยู่อย่างดีนั่นเอง”
พิจารณามรณสติ เพื่อให้เกิดปัญญา เกิดความไม่ประมาท ไม่เพลิน
พิจารณาโดยเฉพาะ “รอยต่อ” ว่ากายเรามีรอยต่อมาก ตายได้ตลอดเวลา กายเป็นเพียงธาตุสี่มาประกอบกัน เมื่อตายไปแล้วภพนี้พังลง กายนี้แตกลง ธาตุทั้งสี่ก็แยกจากกันไป ไม่เหลืออะไร
จิตก็เหมือนกัน ตายได้ มีเกิด มีดับตลอดเวลา เกิด-ดับอย่างต่อเนื่อง เรียกว่าเป็นกระแส
เราจึงเข้าใจคลาดเคลื่อนคิดว่า กระแสนั้น เป็นตัวตน และคิดว่ามี “ตัวเรา” คงอยู่ตลอดเวลา
จิตเราที่ตายแล้วจากภพก่อนๆ จะสะสมๆ เป็นอาสวะ แล้วไปยึดถือสิ่งอื่นๆ ทั้งนามและรูป เกิดในภพต่อๆ ไป ตามสภาวะการสะสมของเราเอง แล้วยังมี “รอยต่อระหว่างภพ” เราจะได้รับผลกรรมของเราเอง สุขหรือทุกข์ ขึ้นอยู่กับ สิ่งที่เราทำ
ดังนั้น จึงต้องอยู่ด้วยความไม่ประมาท อยู่ด้วยความดี เร่งสร้างกุศล ละอกุศล ด้วยการรักษาศีล มีสัมมาวาจา มีการแบ่งปันมีการให้ มีเมตตา มีกรุณา มีอุเบกขา อยู่อย่างนี้
“อยู่อย่างมีปัญญา” ปัญญาเป็นดั่งแสงสว่างที่จะนำทางเรา ไปตามทางความดี ก็จะสู่ที่เกษมที่ปลอดภัยได้นั่นเอง
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Mon, 17 Apr 2023 - 58min - 305 - เหตุต้นผลปลาย แจ้งได้ด้วยปัญญา [6615-2m]
“ผู้ใดทราบส่วนสุดทั้งสองด้วยปัญญาแล้ว ไม่ติดอยู่ในท่ามกลาง เรากล่าวผู้นั้นว่าเป็นมหาบุรุษ ผู้นั้นก้าวล่วงเครื่องร้อยรัดในโลกนี้ได้แล้ว” ถ้าส่วนสุดข้างหนึ่งเป็นเหตุ ส่วนสุดข้างหนึ่งเป็นผล ความดับจึงมีตรงกลาง คือ เหนือเหตุเหนือผล เพราะมีอวิชชาจึงมีสังขาร อวิชชาเป็นตัวที่ล็อคเชื่อมสิ่งต่างๆ อยู่ในโลกนี้ มีอวิชชาแล้วมีตัณหาด้วย ตัณหาเป็นเครื่องร้อยรัด เหตุผลต่างๆ ให้เกิดขึ้น เข้าหากัน แค่เรารู้เราเข้าใจ ตรงกลางมันเป็นตัณหา เป็นอวิชชา วิชชา คือ ความรู้ เกิดขึ้นทันที…
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Mon, 10 Apr 2023 - 59min - 304 - ที่นี่ไม่วุ่นวาย ที่นี่ไม่ขัดข้อง [6614-2m]
เริ่มจากจุดที่มีปัญหา อย่าเริ่มที่คนนั้นมีปัญหา สิ่งนั้นมีปัญหา เรื่องนั้นมีปัญหา แต่ปัญหาทั้งหมด สุมรุมอยู่ในจิตใจเรา เริ่มที่ช่องทางใจของเรา..ตรงความกลุ้มใจกังวลใจ ความโกรธ ความไม่พอใจ จับได้ตรงไหน เล็งไปตรงนั้น เล็งให้ถูกจุด มันอยู่ตรงที่เรายึดถือ ถ้าตัดผิด แทนที่จะใช้ปัญญา ดันไปใช้กายวาจาใจตัด พูดทิ่มแทงพูดบังคับ ใช้กำลังขู่เข็ญ ความคิดนึกพยาบาทเบียดเบียนมุ่งปองร้าย นั่นคือ ไม่ถูก เป็นอกุศล ถ้าใช้ปัญญาในการตัด ปัญญาเกิดตรงที่เราสร้าง ตรงสมาธิสร้างปัญญา…
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Mon, 03 Apr 2023 - 58min - 303 - นิโรธสัญญา [6613-2m]
“หากสิ่งที่มิได้เกิด มิได้เป็น มิได้ถูกอะไรทำ มิได้ถูกอะไรปรุง จะไม่ได้มีอยู่แล้วไซร้ ความรอดออกไปได้ของสิ่งที่เกิด ที่เป็น ที่ถูกอะไรทำ ที่ถูกอะไรปรุง จะไม่มีเลย เพราะเหตุที่มีสิ่ง ซึ่งมิได้เกิด มิได้เป็น มิได้ถูกอะไรทำ มิได้ถูกอะไรปรุงนั่นเอง จึงได้มี ความรอดออกไปได้ของสิ่งที่เกิด ที่เป็น ที่ถูกอะไรทำ ที่ถูกอะไรปรุงนั้น จึงปรากฎอยู่” เข้าใจธรรมชาติของความเกิดขึ้นความดับไปของสิ่งต่างๆ ด้วยเงื่อนไขปัจจัยที่เปลี่ยนแปลงไปแล้ว แต่เพราะลูกศรมันยังมีอยู่ตลอด ดับไปแล้วเชื้อมันยังมี ก็เกิดขึ้นได้อีกทันที ลูกศรคือสังขารการปรุงแต่ง เชื่อมกันเพราะมีตัณหา ต่อไปแล้วก็ต่อไป ทำอย่างไรที่จะจบ ทางรอดมีอยู่…จะเข้าใจได้ จิตต้องสงบเป็นสมาธิ ในที่นี้เริ่มด้วยการเจริญอานาปานสติ
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Mon, 27 Mar 2023 - 54min - 302 - ธรรมที่เป็นส่วนแห่งวิชชา [6612-2m]
“สมถะ…เมื่ออบรมแล้ว จิตจะเจริญ จิตเมื่อเจริญแล้ว จะละราคะได้
วิปัสสนา…เมื่ออบรมแล้ว ปัญญาจะเจริญ ปัญญาเมื่อเจริญแล้ว จะละอวิชชาได้”
เพราะเกินกำลังของสติ ‘ความฟุ้งซ่านความง่วงซึม’ ถ้ามีสติเห็นแล้ว อย่ากังวลอย่าบังคับจิต แต่เห็นเป็นเครื่องหมายแล้วใช้ ‘สมถะวิปัสสนา’ ทำจิตให้สงบเป็นอารมณ์อันเดียว เห็นตามความเป็นจริงในความเป็นของไม่เที่ยงเป็นอนัตตาของสิ่งต่างๆ ที่มากระทบ จะปรับสมดุลมาตรงกลางได้ วางได้ สามารถละอาสวะที่เป็นรากเหง้าของอวิชชาได้
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Mon, 20 Mar 2023 - 58min - 301 - ยึดถือสิ่งใด ทุกข์โทษในสิ่งนั้น [6611-2m]
“ในโลกไม่มีสิ่งใดๆ เลย ที่เมื่อเรายึดถืออยู่ จะเป็นผู้หาโทษไม่ได้”
มีไหมในโลกนี้สักสิ่งหนึ่งที่ถ้าเมื่อเรายึดถืออยู่ มันจะหาโทษไม่ได้ ‘โทษในที่นี้ หมายถึง ความที่มันไม่เที่ยง ความที่มันเปลี่ยนแปลงไป’ เป็นไปตามอย่างที่เรายึดถือ ยิ่งยึดถือมากยิ่งมั่นคง มันจะมีความเป็นไปอย่างนั้นเหมือนเดิม ตามที่เราปรารถนาตามที่เรายึดถือเอาไว้ ไม่เปลี่ยนแปลงไปเป็นอย่างอื่น ให้มันเที่ยงแท้เหมือนเดิมเป็นปกติ เป็นอย่างนี้อยู่ตลอด ยิ่งถ้ายึดถือมาก ยิ่งมั่นคงมาก ยิ่งเที่ยงแท้มาก เป็นอย่างนั้นไหม มีไหม เราลองคิดดู
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Mon, 13 Mar 2023 - 58min - 300 - พิจารณาขันธ์ห้าตามความเป็นจริง [6610-2m]
ถึงเวลาที่จะปลดแอกตัวเราจากความยึดถือได้แล้ว ที่ไปยึดได้ คือ อุปาทาน เพราะเพลินพอใจในสิ่งใด มันติดกับสิ่งนั้นทันที โทษของมันก็มาด้วยเพราะความที่มันไม่เที่ยง จะกำจัดมันก็ละความยึดถือ อย่าให้เกิดความเพลินความพอใจ คือ เห็นโทษในความที่ไม่มีสาระไม่มีแก่นสาร เห็นบ่อยๆ จะเป็นอุบายเครื่องนำออกจากความยึดถือในสิ่งนั้น แต่ถ้าเห็นโทษอย่างเดียวไม่เห็นรสอร่อยไม่เห็นเหตุเกิดไม่เห็นสิ่งต่างๆ ครบถ้วน บางทีไปยึดกับการปฏิเสธทุกอย่างปฏิเสธสิ่งนี้ไม่เอาสิ่งนั้นด่าทอขี้บ่น มันก็ไม่ได้เรื่อง กิเลสมันเอาเราสองทางเสมอ สิ่งที่ไม่เป็นสาระ คือ ความที่มันไม่เที่ยง เป็นทุกข์ แปรปรวนได้ แล้วเอาสิ่งที่เป็นสาระ คือ อะไรที่ทำให้เราเห็นความไม่เที่ยง มีปัญญามีสติมีสมาธินั่นคือ มรรค เห็นตามความเป็นจริงโดยความเป็นของไม่เที่ยงของขันธ์ห้า เจริญเกาะอยู่กับมรรคแปด จะทำให้สามารถที่จะเห็นขันธ์ห้าตามความเป็นจริงได้
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Mon, 06 Mar 2023 - 52min - 299 - พระคาถาเยธัมมา [6609-2m]
“ธรรมเหล่าใดมีเหตุเป็นแดนเกิด พระตถาคตเจ้าทรงแสดงเหตุและความดับแห่งธรรมเหล่านั้น พระมหาสมณะ มีปกติทรงสั่งสอนอย่างนี้” ธรรมะนี้นั้น เมื่อมาถึงหูของเราแล้ว จะเข้าสู่จิตใจของเราได้ไหม อยู่ที่จิตของเรามีความวิเวกหรือไม่ เพราะคนส่วนใหญ่ถ้าเผลอเพลินไป ที่ไม่ใช่แค่ความพอใจแต่ความโกรธความไม่พอใจด้วย จึงเห็นแต่ความดำรงอยู่ของมันด้านเดียว ไม่เห็นเหตุและความดับ
แต่อะไรก็ตามที่มีเหตุเกิด ถ้าเหตุเกิดมันก็เกิด ถ้าเหตุดับมันก็ดับ ไม่ใช่มีอยู่ดำรงอยู่เท่านั้น จะเข้าใจได้ ในที่นี้จึงเริ่มด้วยการตั้งสติตามกระบวนการของพุทธานุสสติ จะไม่เพลิน แต่เห็นตามความเป็นจริง จะทำให้เราปล่อยวาง ละความยึดถือในจิตใจของเราได้
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Mon, 27 Feb 2023 - 59min - 298 - ผู้มีราตรีเดียวเจริญ [6608-2m]
เวลามันพัดตัวเราจากปัจจุบันกลายเป็นอดีตไปเรื่อยๆ สู่ความตาย แต่จิตที่มักคำนึงยึดถือยินดีพอใจถึงสิ่งที่ล่วงไปแล้ว หรือคืบคลานต่อไปในอนาคต เห็นสิ่งต่างๆ โดยความเป็นของมั่นคงยั่งยืนเที่ยงแท้ มีความเพลินความพอใจ นั่นคือ ง่อนแง่นคลอนแคลน ไม่มีหลัก ไม่มีเกณฑ์ ถูกพัดไปตามกระแส แต่จะเป็นผู้ฉลาด มีปัญญาเห็นแจ้งตามความเป็นจริง แยกกายแยกใจ เห็นขันธ์ห้าโดยความเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ทั้งในอดีต อนาคต และปัจจุบันด้วย “วางแม้ในสิ่งที่เป็นธัมม์ปัจจุบัน” เริ่มต้นด้วยการตั้งสติ “สติอยู่ตรงไหน ปัญญาอยู่ตรงนั้น” ตั้งสติไว้แล้ว สิ่งต่างๆ มันจะแยกจากกัน ทำไปเรื่อยๆ ตามกระบวนการของมรรค มันจะดับได้เอง “วางความยึดถือแม้ในจิต”
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Mon, 20 Feb 2023 - 56min - 297 - ชัยชนะอันไม่กลับแพ้ [6607-2m]
ปฏิบัติภาวนาด้วยการเจริญอานาปานสติ เริ่มจากการตั้งสติ เพื่อให้เราฝึกทักษะการสังเกตอารมณ์ ความคิด ความรู้สึก ลมหายใจ สังเกตุทั้งกายและจิต เพื่อการแยกแยะ มีสติแล้วสมาธิก็ตั้งมั่น จนเกิดปัญญาวุธ คือปัญญาที่เห็นทุกสิ่งในโลกนั้น เป็นสมมติ ไม่เที่ยง เป็นอนัตตา พิจารณาซ้ำๆลงไปก็จะเห็นตามความเป็นจริง
เมื่อเกิดปัญญาวุธ เราจึงเห็นทุกสิ่งๆ มีแค่ “ธาตุ” เป็นองค์ประกอบ หาใช่ตัวเราไม่ หากแต่เรามีอุปาทานไปยึด ไปเกาะที่รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
เราจะกำจัดอุปาทานได้ เราต้องพิจารณาขันธ์ทั้งห้า ว่าไม่เที่ยง เป็นอนัตตา พิจารณาย้ำ ซ้ำลงไปอีก จนจิตคลายกำหนัด คลายความยึดถือ อุปาทานก็จะลอกออกๆ กิเลสจะลดลงๆ
แต่เรายังไม่สามารถถอนราก เหง้าของกิเลสนั่น คือ “ตัณหา และอวิชชา” ซึ่งอยู่ใน “จิต” ของเราได้ จนกว่าเราจะพิจารณาเห็น “ความไม่เที่ยงของจิต” บางทีก็เป็นประภัสสร บางทีก็เศร้าหมอง เมื่อไม่เที่ยง แม้แต่จิตเราก็ไม่เอา อวิชชา ตัณหาก็ดับ ความดับเย็นนั้นคือนิพพาน นั้นคือ “ชัยชนะอันไม่กลับแพ้”
รักษาความชนะที่ชนะแล้วได้ดี ไม่มีความอาลัย เป็นผู้ไม่ติดถิ่นที่อยู่ (กิเลส) ด้วย “ปัญญาวุธ”
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Mon, 13 Feb 2023 - 58min - 296 - หนทางเอกในการล่วงทุกข์ [6606-2m]
ปฏิบัติภาวนาด้วยการเจริญธัมมานุสติ
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราสัมผัสทั้งหมด ทั้งรูป-นาม ล้วนแต่มีเหตุ มีปัจจัย มีเงื่อนไข ต้องอาศัยสิ่งนี้ ต้องอาศัยสิ่งนั้นเกิด เป็นกฏธรรมชาติที่มีอยู่แล้ว จึงมีความเป็น“อนัตตา” ไม่มีตัวตน ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ คือ ความทนอยู่ในสภาพเดิมได้ยาก เกิดทุกข์ที่ทนได้ยาก คือ ความทุกข์ และทุกข์ที่ทนได้ง่าย คือ ความสุข
เหตุของทุกข์ คือ ตัณหา ความทะยานอยาก เมื่อเกิดผัสสะ ก็เกิดเวทนาความรู้สึก ยินดี ยินร้าย และเกิดตัณหา จิตเกิดความอยากมี ความอยากไม่มี จิตจึงเข้าไปยึดถือคืออุปาทานในสิ่งนั้น เกิดทุกข์ลงที่ “ขันธ์ทั้งห้า คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ” ไม่ได้เกิดที่ไหน จนเราคิดว่าเป็นตัวเรารู้สึกทันที เกิดเป็นภพ เป็นสภาวะ
ผัสสะเกิดที่ไหน จิตอยู่ที่นั่น จิตอยู่ที่ไหน ความทุกข์เกิดที่นั่น ความทุกข์เกิดเพราะ มีความทะยานอยาก ตัณหา มีความยึดมั่นถือมั่น อุปาทานในสิ่งที่เป็นขันธ์ห้าทั้งหมด เกิดเป็นตัวตน คือ สภาวะ สภาวะแห่งการสั่งสม เหตุเกิด เพราะอวิชชา ความไม่รู้ครอบงำจิต เข้าใจว่าทุกสิ่งเป็นอัตตา เป็นสุข เที่ยง จึงเกิดเป็น “สังสารวัฏ” เปรียบเสมือนกรงขังเราอยู่ ที่ไม่รู้เวลาออก ถูกรัดตึงด้วยตัณหา ครอบงำด้วยอวิชชา วนไปวนมานับไม่ถ้วน
พระพุทธเจ้าทรงค้นพบสิ่งที่มีอยู่ ความตั้งอยู่เป็นธรรมดา “ธัมมัฏฐิตตา” ความตั้งอยู่เป็นธรรมชาติ “ธัมมนิยามตา” ความที่เมื่อมีสิ่งนี้ๆ เป็นปัจจัย สิ่งนี้ๆ จึงเกิดขึ้น “อิทัปปัจจยตา”
พระพุทธเจ้าทรงใคร่ครวญทางพ้นทุกข์ ในธรรมะ คือ สติปัฏฐานสี่ คือ สติสัมโพชฌงค์ หนึ่งในองค์ธรรมตรัสรู้ เกิดสัมมาสติ มีความเพียรคือสัมมาวายามะ ตั้งจิตไว้ในจิตที่ถูกต้องมีสัมมาทิฐิ สัมมาสังกัมปะ ศีลครบก็เกิดสัมมาอาชีวะ สัมมากัมมันตะ สัมมาวาจา จิตเริ่มระงับลงๆ จนเกิดเป็นสัมมาสมาธิ เกิดพร้อม ถึงพร้อมองค์ประกอบอันประเสริฐแปดอย่าง ที่เป็นทางสายกลางไม่แล่นไปสุดโต่งสุขหรือทุกข์ เป็นคำสอนที่เราปฏิบัติได้ มีอยู่ตามธรรมชาติ ปฏิบัติตามเพื่อความถึงพร้อม รู้พร้อม คือ มัชฌิมาปฏิปทา ทางเอกในการเข้าสู่พระนิพพาน
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Mon, 06 Feb 2023 - 58min - 295 - ความจริงที่พระพุทธเจ้าสอน (อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา) [6605-2m]
เจริญอานาปานสติ เพื่อให้เห็นความไม่เที่ยง ความเป็นทุกข์ ความเป็นอนัตตา เป็นทางแห่งพระนิพพาน
เดิม...เพราะเรามีอวิชชาครอบอยู่ คือ ความไม่รู้ ไม่เข้าใจว่าตัวเราเองเป็นอนัตตา (ไม่มีตัวตน) คิดว่าตัวเราเป็นอัตตา (มีตัวตน) พอไม่รู้ ไม่เห็นตามความเป็นจริง จึงได้โอกาสนายช่างผู้สร้างเรือน คือ ตัณหา ความทะยานอยาก ในสิ่งที่เราพอใจ ไม่พอใจ เพลินไป จัดสร้างโครงเรือนขึ้นมา ประกอบเป็นตัวตนด้วย ราคา โทสะ โมหะ (กิเลส) จึงให้ เกิดความรู้สึกว่านี่เป็นตัวตน เป็นตัวฉัน เกิดภพ เกิดชาติ ไม่สิ้นสุด...
หากแต่พอเราให้กำลังกับ ปัญญา มรรค สมาธิ วิชชาด้วยการพิจารณาวิปัสสนา จะเกิดญาณปัญญา คือ เห็นตามความเป็นจริงว่า “สิ่งทั้งหลายทั้งปวง ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา” เห็นว่ากายเราเป็นเพียงธาตุสี่ เปลี่ยนแปลงตลอดด้วยเหตุ ปัจจัย ห็นเป็น “ทุกขลักษณะ” เห็นด้วยภาวนามยปัญญา จะเกิดความเบื่อหน่าย นิพพิทา จะคลายกำหนัด เห็นอยู่บ่อยๆ จะไม่ยึดถือ และวางกายนี้ได้ ว่าไม่ใช่ตัวตนของเรา
หากแต่ล็อกชั้นที่สอง คือ ยังคิดว่า “จิตเป็นของเรา” พิจารณาต่อไปว่า จิตก็เป็นของไม่เที่ยง มีผ่องใส มีสุข มีทุกข์ แม้จิตก็ไม่ใช่ตัวตนของเรา เปลี่ยนแปลงได้ เป็นอนัตตา (ไม่มีตัวตน) เหมือนกัน อนิจจัง (ไม่เที่ยง) เหมือนกัน เป็นทุกข์เหมือนกัน ไม่ควรเห็นว่าเป็นจิตของเรา
เห็นบ่อยๆ จะปล่อยวางจิตได้ ทำซ้ำๆ ย้ำๆ ทำจนวิมุตติไม่ย้อนกลับ วางๆๆ จนเหลือแต่ “ความว่าง” คือ เย็น คือ นิพพาน ทำย้ำ ทำซ้ำไปเรื่อยๆ ละเอียดแล้วละเอียดอีก
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Mon, 30 Jan 2023 - 55min - 294 - ระวังสมาธิเป็นพิษ [6604-2m]
“ฐานะ 2 อย่าง คือ ทั้งเกิด และทั้งดับ ไม่ว่าจะในกุศลหรืออกุศล ก็เกิดเวทนาได้”
เจริญพุทธานุสสติ ระลึกถึงวาระที่พระพุทธเจ้าหลีกเร้นแล้วสำรวจสมบัติในเรื่อง “เวทนา” พระพุทธเจ้าทรงเตือนว่า เวทนามีในทุกสิ่ง ทั้งในมิจฉาสมาธิ ทั้งการเข้าไปสงบระงับแห่งมิจฉาสมาธิ ทั้งในสัมมาสมาธิ และการเข้าไปสงบระงับแห่งสัมมาสมาธินั้นด้วย สมาธิทั้งหมดนั้นมีการเสวยอารมณ์ คือ เวทนาแน่นอน แม้แต่ในขณะที่พยายามที่จะบรรลุ หรือบรรลุแล้ว เพียงต่างกันตรงที่ชนิดของเวทนา
เมื่อมีเวทนาแล้วจึงเพลินไปหลงไปเข้าไปยึดถือในเวทนา ถูกจิตหลอก ทำให้สมาธิกลายเป็นพิษ แม้ในสัมมาสมาธิก็มีกับดักให้ไปยึดถือได้ ในทีนี้ยกตัวอย่างบุคคลที่ได้รับผลจากสมาธิที่เป็นพิษ คือ ท่านพระเทวทัต อาฬารดาบส และอุทกดาบสผู้รามบุตร เวทนาเข้าไปยึดถือได้ด้วยจิตของเรา ไม่ว่าเวทนานั้นจะเกิดจากอะไรก็ตาม มันเป็นกับดักของจิต จิตหลอกให้ยึดถือ มีความเป็นอัตตา
วิธีแก้คือการอุดรูรั่ว ให้เห็นด้วยปัญญา ปัญญาเห็นไม่ใช่ตัวเราเห็น เห็นถึงความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา นำมรรคมาใช้ ขณะเดียวกันก็ให้ระวังรูรั่วในมรรค รูรั่วในมรรค คือ การเข้าไปยึดถือ และความไม่เที่ยงของมรรค เพราะมรรคก็คือการปรุงแต่ง เวทนาก็คือการปรุงแต่ง เห็นความจริง มีความหน่ายแล้ว ปฏิบัติกิจตามหลักอริยสัจสี่ จะอุดรูรั่ว พาแพถึงฝั่งได้ วางแพวางความยึดถือปล่อยวางได้ ดับเย็น
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Mon, 23 Jan 2023 - 58min - 293 - กำจัดจุดอ่อน คือ เวทนา [6603-2m]
“เพราะมีเวทนาเป็นปัจจัย จึงมีตัณหา แต่เพราะความจางคลายดับไปไม่เหลือแห่งตัณหานั้น นั่นเทียว จึงมีความดับแห่งอุปาทาน นี่แหละ คือ ความตั้งอยู่ไม่ได้แห่งทุกข์”
ปฏิบัติสมถะ วิปัสสนา โดยอานาปานสติ คือ ใช้ลมหายใจเป็นเครื่องมือเพื่อให้เราเกิดสติขึ้น
เมื่อมีสติ รับรู้ลมหายใจเข้า-ออก เกิดสมาธิ จิตสงบ ระงับลงๆ คือ เป็นสมถะ
จากนั้นพิจารณาให้เห็นว่า ทุกข์ทั้งหลายทั้งปวง เกิดจากผัสสะที่เข้ามากระทบ เกิดเวทนา คือ สุข ทุกข์ ไม่สุขไม่ทุกข์ จึงเกิดตัณหา จึงเกิดอุปาทาน ความยึดมั่นถือมั่น เกิดภพ สภาวะ เกิดชาติ ชรา หมุนวนไป ไม่จบสิ้น
จะดับทุกข์ได้ “จิตต้องเห็นเวทนาเป็นของไม่เที่ยง อนิจจัง เห็นเวทนาเป็นของสิ้นไปเสื่อมไป เป็นธรรมดา”
เห็นอย่างนี้บ่อยๆ สะสมๆๆ เป็นปัญญา ตัณหาจะค่อยๆ จางคลาย จนจิตปล่อยวาง คลายความยึดมั่นถือมั่น ตัณหาดับ อุปาทานดับ ทุกข์จึงดับ นั่นเอง.
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Mon, 16 Jan 2023 - 57min - 292 - ศรัทธาเกิดได้ด้วยปัญญาสาม [6602-2m]
ศรัทธาของใครก็ตาม จะต้องเป็นศรัทธาที่มีทรรศนะ คือ มีความเห็น เห็นด้วยตา ด้วยปัญญาอย่างนี้ เป็นมูลเป็นเหตุอย่างนี้ จะเรียกว่า เป็นศรัทธาที่มั่นคง คือ “มีศรัทธาถึงพระพุทธเจ้าโดยส่วนเดียว “
จะมีศรัทธาที่มั่นคง ไม่คลอนแคลนได้ ต้องเกิดจากปัญญาสามอย่าง คือ
- ปัญญาที่เกิดจากการฟังเรียกว่า สุตมยปัญญา คือ ควรเลือกฟังจากผู้เป็นกัลยาณมิตร หากแต่ความศรัทธายังคลอนแคลนอยู่ได้ จึงต้องเพิ่มในปัญญาที่สอง คือปัญญาที่เกิดจากการใคร่ครวญคิดพิจารณาเรียกว่า จินตามยปัญญา คือ มีวิมังสา ตรวจสอบ พิจารณาเหตุผลคือมีมูลราก แล้วให้เกิดศรัทธา คือ ความเชื่อ ความมั่นใจ ความเลื่อมใส ที่มั่นคงกว่าสุตมยปัญญา หากแต่ยังสามารถเลื่อนไหล ไม่มั่นคง จึงต้องเพิ่มในปัญญาที่สาม คือปัญญาที่เกิดจากการพัฒนา เห็นแจ้งด้วยตัวเองจริงๆ เรียกว่า ภาวนามยปัญญา คือ ปัญญาที่เกิดจากการภาวนา มีวิริยะ ลงมือทำความเพียร คือ ปรารภกุศล ละอกุศล สติระลึกถึงแต่สิ่งที่เป็นกุศล เกิดโวสสัคคารมณ์ คือ จิตที่มีการปล่อยวางอารมณ์ เกิดสมาธิ จิตตั้งมั่น สามารถรู้ชัดได้ใน สังสารวัฏ เห็นการหมุนวนไปของสิ่งที่เกิดขึ้นและดับไป วนไป ภาวนาจนตัณหาจางคลายไป เป็นความคลายกำหนัด เป็นความเย็น คือนิพพาน คือ เห็นด้วยปัญญา รู้ได้ด้วยปัญญา เกิดความรู้ คือ วิชชาขึ้น เรียกว่าเป็นปัญญา เกิดที่จิตเรา
ศรัทธาที่เกิดแบบนี้เรียกว่า เป็นศรัทธาที่มั่นคง มีมูลรากแล้วลงมือทำ เกิดวิชชา เกิดปัญญา จาก “ภาวนามยปัญญา”
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Mon, 09 Jan 2023 - 58min - 291 - ศรัทธาได้ด้วยปัญญา [6601-2m]
ใคร่ครวญมาในธรรมในหัวข้อศรัทธาที่ตั้งมั่นแล้วอย่างไรจึงจะชื่อว่าเป็นการได้อันยอดเยี่ยม ศรัทธาเป็นแรงผลักดันให้มีการลงมือกระทำ และเป็นตัวประสานสิ่งต่างๆ เข้าด้วยกัน ในขณะที่ศีลจะเป็นพื้นฐานที่หนักแน่นให้ยืนอยู่ได้ ศรัทธา คือ ความเชื่อ ปสาทะ คือ ความเลื่อมใส เกิดได้จาก 3 ทาง คือ
ประการที่ 1: ศรัทธาที่เกิดจากปัญญา ปัญญาจะเกิดได้ต้องมาจากการศึกษา การศึกษามาจากการฟัง ศรัทธาจึงฟัง ฟังจึงศึกษา ศึกษาจึงเกิดปัญญา ปัญญานั้นก่อให้เกิดศรัทธา ศรัทธาต้องเป็นระดับนิวิฎฺฐสทฺโธ ปสาทะต้องเป็นระดับนิวิฏฺฐเปโม คือ ตั้งมั่นไม่หวั่นไหว ศรัทธาที่ตั้งมั่นในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ต้องเป็นศรัทธาในระบบ ไม่ใช่ศรัทธาที่ตั้งไว้บนความรักความพอใจ เพราะศรัทธาต่อตัวบุคคลจะก่อให้เกิดโทษแห่งความเลื่อมใสนั้นได้ ศรัทธาในพุทโธ พุทโธไม่ใช่บุคคล แต่เป็นระบบของการตรัสรู้ ธัมโม คือ สิ่งที่จะเข้ามาสู่ใจ เป็นธรรมที่มีการปฏิบัติที่ถูกต้อง ไม่ใช่แค่ตัวอักษร สังโฆ คือ กลุ่มที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ สุปฏิปัณโณ จึงจะไม่เป็นการประทุษร้ายต่อสกุล
ประการที่ 2: ศรัทธาเกิดจากกัลยาณมิตร และการโยนิโสมนสิการ กัลยาณมิตร คือ กัลยาณธรรมจะทำให้ได้ฟังธรรม เป็นการให้จากภายนอก โยนิโสมนสิการ คือ การทำในใจโดยแยบคาย เป็นจุดเชื่อมสมองเข้าสู่ใจ เป็นการรับเข้าภายใน
ประการที่ 3: ทุกข์เป็นที่ตั้งอาศัยของศรัทธา ทุกข์จะทำให้เห็นธรรมก็ต่อเมื่อเลือกทางออกจากทุกข์นั้นได้ถูกต้อง ไม่จมลงในทุกข์ เพราะจิตนั้นตริตรึกไปทางไหน สิ่งนั้นจะมีพลัง จะถูกยกสูงขึ้นทันที เป็นการนำสถานการณ์มาใช้ ใช้ทุกข์ให้เกิดปัญญา
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Mon, 02 Jan 2023 - 1h 01min - 290 - พัฒนาวิเวกสามเพื่อความดับเย็น [6552-2m]
บุคคลเมื่อให้ทานแล้ว ควรพัฒนาตนเอง และปฏิบัติตามกาลอันควรด้วย “วิเวกสามประการ”
วิเวกสาม ประกอบด้วย
1. กายวิเวก วิเวกทางกาย กายที่ไม่มีอะไรมารบกวน
2. จิตตวิเวก วิเวกทางจิต จิตที่ไม่มีอะไรมารบกวน ด้วยสติที่ตั้งมั่นระลึกถึงจาคานุสสติ ทานที่สละออก เว้นจากกาม พยาบาท เบียดเบียน นิวรณ์ต่างๆ ด้วยจิตที่เป็นกุศล “สุขโสมนัสที่ประกอบด้วยกุศลธรรมจึงเป็นฐานะที่มีได้ในจิตบุคคล ผู้มีจิตตวิเวก”
3. อุปธิวิเวก วิเวกทางอุปธิ คือ จิตที่สงบระงับจากสังขารทั้งปวง ปราศจากการปรุงแต่ง การปรุงแต่ง นั้นคือ อุปธิ
กิเลส ขันธ์ห้า กุศล อกุศล บุญ บาป นิวรณ์ กายวิเวก จิตตวิเวก และต่างๆ ก็เป็นอุปธิ เหมือนกันหมด ให้เห็น การปรุงแต่ง เปลี่ยนแปลง ไม่เที่ยงเพราะอาศัยการปรุงแต่งกันและกันแล้ว จึงเกิดขึ้น มีเกิด มีดับ มีเกิด เรียกได้ว่า “เห็นอุปธิ เห็นกระแสแห่งการปรุงแต่งแล้ว ด้วยความวิเวก”
ก็จะมีความคลายกำหนัด คือ วิราคะ จิตน้อมไปในความหน่าย
“สิ่งใดสิ่งหนึ่งที่มีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา ย่อมมีความดับได้เป็นธรรมดา สิ่งนั้น ก็ไม่ควรค่าที่จะยึดถือเอาไว้”
จิตก็น้อมไปเพื่อการปล่อยวาง ด้วยสติ ปัญญา ให้เราเข้าถึงอุปธิวิเวก เดินตามทางมรรคมีองค์แปดเพื่อความดับเย็น คือ นิพพาน
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Mon, 26 Dec 2022 - 59min - 289 - การดับปปัญจสัญญา [6551-2m]
เจริญพุทธานุสติ ระลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้า ให้เกิดสติขึ้น เพื่อที่จะดับ ปปัญจสัญญา
ปปัญจสัญญา คือ อนุสัย หรือกิเลส อันเป็นเครื่องทำความเนิ่นช้า เป็นเครื่องครอบงำ อุปนิสัย สันดาน หรือความเคยชิน
ที่เกี่ยวเนื่องกับความชอบใจ คือ ราคานุสัยที่เกี่ยวเนื่องกับความขัดเคือง ไม่พอใจ คือ ปฏิฆานุสัยที่เกี่ยวเนื่องกับความคิดผิด คือ ทิฏฐานุสัยที่เกี่ยวเนื่องกับในลักษณะที่ตั้งคำถาม เคลือบแคลง ไม่ลงใจ คือ วิจิกิจฉานุสัยชนิดที่ถือตัว หมิ่นท่าน เรียกว่า มานานุสัยชนิดที่เป็นตัวตนขึ้นมา คือ ภวราคานุสัย คือ การกำหนัดติดในภพ การพอใจในฐานะ ตำแหน่งความไม่รู้ ไม่เห็นจริงตามความเป็นจริงในสิ่งทั้งหลาย คือ อวิชชานุสัยเมื่อมีผัสสะเข้ามาทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ จะเกิด เวทนา และเกิดอนุสัย ความเคยชินต่างๆ ต่อเวทนานั้น ไม่ว่าเป็นความ พอใจ ไม่พอใจ ความถูก ความผิด ความขัดเคือง ความสงสัย เกิดความเป็นตัวตน เหล่านี้ ถือเป็น มิจฉา คือ มีกิเลสเพิ่มขึ้น จิตไม่สงบ “การดับปปัญจสัญญานี้ได้ ก็คือ ดับตามเหตุของมัน” นั่นเอง
คือ ต้องมี “สติ” ทีจะแยกแยะสิ่งที่มากระทบ ว่า เป็นสิ่งที่ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่มีตัวตน
เมื่อไม่เกิดเวทนาใดๆ เพราะเห็นตามความเป็นจริง ก็ไม่เกิดเวทนาที่จะไป เนิ่นช้า ไปแช่ให้ถูกครอบงำ อนุสัยก็ไม่เกิด ปปัญจสัญญาก็ดับ
ก็จะอยู่เหนือเวทนา เหนือสุข เหนือทุกข์ คือ พ้น หรือแยกจากกัน คือ วิมุตตินั่นเอง
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Mon, 19 Dec 2022 - 54min - 288 - “ทุกข์” สิ่งที่พระพุทธเจ้าสอน เป็นส่วนมาก [6550-2m]
เจริญธัมมานุสติ ธรรมะของพระพุทธเจ้า ทำจิตให้สงบ โดยการเอาจิตจดจ่ออยู่กับสติ จนจิตสงบ ระงับ
ต่อด้วยการเจริญวิปัสสนา คือ การสร้างปัญญาให้รู้เห็นตามที่เป็นจริง โดยการใคร่ครวญธรรมะ
ธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงสอน ทั้งหมดทั้งปวง ส่วนใหญ่เป็นเรื่อง “ทุกข์” เมื่อใดที่เข้าไป “ยึดถือ” จะ “เกิดทุกข์” ทันที
ขันธ์ทั้งห้า คือ กองทุกข์ ที่เกิดจากการยึดถือว่าเป็นตัวเรา เป็นของเรา
เมื่อไปยึดถือจึงเกิดทุกข์ เพราะทั้งรูป เวทนา สัญญา สังขาร และ วิญญาณเป็นอนัตตา คือ ไม่มีตัวตน จึงไม่เที่ยง คือ เปลี่ยนแปลงตามเงื่อนไขปัจจัยหรือเรียกว่าอนิจจัง จึงเป็นทุกข์ เพราะมีลักษณะที่ทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้
พิจารณาธรรม โดยน้อมเข้ามาสู่ตน พิจารณาขันธ์ทั้งห้าของเราเอง ว่า “ไม่มีตัวตน ไม่เที่ยง เป็นทุกข์”
แม้แต่จิตก็ไม่ใช่ตัวเรา แต่เป็นสภาวะแห่งการสั่งสม ไปยึดถือรูป เวทนา สัญญา สังขารผ่านทางวิญญาณ การรับรู้ ว่าเป็นตัวเรา
หากแต่ความจริง ทั้งขันธ์ห้า และจิต “ไม่มี” ไม่มีอะไรเป็นตัวเรา เป็นของเรา
พิจารณา ใคร่ครวญธรรม เช่นนี้อยู่บ่อยๆ อวิชชาจะดับ เมื่ออวิชชาดับ วิชชา” จึงเกิด
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Mon, 12 Dec 2022 - 1h 00min - 287 - ใจเป็นของกลาง จิตเป็นประภัสสร [6549-2m]
ใจเป็นของกลาง จิตเป็นประภัสสร
เจริญจิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน ด้วยการตั้งสติขึ้น ให้เห็นจิตในจิต ให้เห็นจิตที่มีความสงบระงับลง แยกกันออกไปจากเครื่องเศร้าหมองต่างๆ
เราจะรักษาใจช่องทางนี้ให้ปกติอยู่ ใจนั้นต้องมีสติเป็นที่แล่นไปสู่ พอใจมีสติเป็นที่เล่นไปสู่, “สติ” นั้นจะทำให้ “ใจแล่นไปสู่วิมุตติ” ใจของเราก็จะพ้นได้
วิมุตติ แปลว่า พ้น พ้น นี่คือ แยกจากกัน “ใจของเราก็จะสามารถแยกจากส่วนที่เป็นกาย แยกจากส่วนที่เป็นเครื่องเศร้าหมองต่างๆ” ให้ใจมีความเป็นกลาง ได้ด้วยสติที่เราตั้งขึ้น
ให้มีสัมมาสติ มีสัมมาวายามะ ความเพียร รักษาทั้งใจ ด้วยรักษาทั้งจิต ไม่ให้มีเครื่องเศร้าหมอง คือ ราคะ โทสะ โมหะ มาหุ้มห่อ กลุ้มรุมจิตเรา จิตจะมีความผ่องใสขึ้น มีความสะอาดขึ้น มีความประภัสสร ปราศจากอกุศล ด้วยสติที่เราตั้งเอาไว้
หากแต่จิตที่เป็นประภัสสรก็ไม่เที่ยง เราไม่ควรไปยึดถือว่าเป็นตัวเรา เป็นของเรา ให้ “วาง” เลย ไม่ยึดถือในสิ่งนั้น
“ไม่มีกิจอื่นที่จะต้องทำขึ้น ยิ่งไปกว่านี้อีกแล้ว”
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Mon, 05 Dec 2022 - 58min - 286 - อกุศลวิตกเจ้าจงหยุด เจ้าจงถอยกลับ [6546-2m]
ปรารภเรื่องราวการปฏิบัติก่อนเข้าปฏิบัติธรรมของพระเจ้ามหาสุทัสสนะ ที่จะเปล่งวาจาสั่งความคิดในทางกาม ทางพยาบาท และทางเบียดเบียน ไม่ให้ตามเข้าไป การกระทำที่เป็นการแสดงความเคารพในพระพุทธเจ้าจะมีอยู่ 3 ระดับ ตั้งแต่การแสดงออกทางกาย เหมือนที่พระเจ้าพิมพิสารถอดหัวโขนของกษัตริย์ออก การแสดงออกทางวาจา และการแสดงออกทางใจในการที่จะกำจัดกามวิตก พยาบาทวิตก วิหิงสาวิตก
เมื่อเราจะเริ่มทำความดีมักมีเครื่องทดสอบ ก่อนอื่นเราต้องแยกแยะให้ได้ว่าเครื่องทดสอบนั้นคืออะไร จะแยกได้ก็ด้วยสติ ผัสสะ หรือเครื่องทดสอบนี้สามารถเข้าสู่ช่องทางใจของเราได้ตามประตูทั้ง 6 แต่เราจะอนุญาตให้เข้าสู่จิตได้หรือไม่ก็อยู่ที่ประตูที่สอง คือ สติ ทำให้การรับรู้นั้นเป็นเพียงรู้เฉย หรืออาจจะให้เข้าสู่จิตได้เหมือนอย่างพระพุทธเจ้าท่านก็ต้องรับรู้ก่อนมีความคิดก่อนก่อนที่จะแสดงธรรมนั้น พระพุทธองค์ทรงทำให้เห็นว่าเราสามารถเป็นผู้อยู่เหนือความคิดได้ นำความคิดนั้นมาใช้งานได้
ควรเข้าใจแยกแยะกุศลธรรมหรืออกุศลธรรมให้ถูก ดีหรือไม่ดีไม่ได้ดูที่สุขเวทนาหรือทุกขเวทนา เลือก input ดีๆ เมื่อเข้าใจได้ถูกแล้ว จิตจะมีพลังน้อมมาในกุศลแล้วจะ รวมลงเป็นสมาธิ วิธีการฝึกก็คือ 1. รักษาอวัยวะเหมือนเต่าหดในกระดองก็จะพ้นภัย รับรู้มาก่อนสติ 2. การใช้ลิ่มสลักของช่างไม้ 3. การรู้จักสังเกตุการแต่งตัวของหนุ่มสาว 4. การทำสมาธิทำจิตให้ละเอียดเหมือนความละเอียดของอิริยาบทต่างๆ และ 5. ตาต่อตา ฟันต่อฟัน ต่อจิตที่มีความหยาบมาก ทำดังนี้จะเป็นผู้อยู่เหนือกามวิตก พยาบาทวิตก และวิหิงสาวิตกได้ในที่สุด ค่อยฝึกไปตามลำดับ
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Mon, 14 Nov 2022 - 1h 01min - 285 - เปลี่ยนศัตรูให้เป็นมิตร [6545-2m]
เจริญอานาปานสติให้เป็นธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน เพื่อให้เกิดสัมมาสติ ไม่ฟุ้งซ่าน
พึ่งตนพึ่งธรรมด้วยการดูลมหายใจของเรา ให้สติอยู่กับลมหายใจ ไม่ลืมลม
พอเราตั้งสติขึ้นมาได้จิตมีสติรักษา จะมีปัญญา ตอบสนองต่อผัสสะ อย่างมีสติ ไม่เกิดอกุศล ความฟุ้งซ่านลดลงได้
แล้วใคร่ครวญธรรมะ “อย่าเห็นแก่ยาว อย่าเห็นแก่สั้น เวรย่อมไม่ระงับด้วยการจองเวร แต่ระงับด้วยการไม่จองเวร”
การเห็นแก่ยาว คือ การจองเวรให้ยืดเยื้อ อย่าเห็นแก่สั้น คือ อย่าแตกร้าวจากมิตรให้เร็วนัก เห็นแก่สั้น ตัดมิตรภาพขาดออกสั้นๆ เราก็จะไม่มีกัลยาณมิตร
หากแต่พระพุทธเจ้าทรงสอนไว้ว่า “ต้องมีกัลยาณมิตร”
ให้เรารักษากัลยาณมิตร ให้เหมือนว่าเป็นอวัยวะที่อยู่ในร่างกาย เชื่อมต่อกับตัวเรา
ผลที่ได้รับจากการ “ไม่เห็นแก่ยาว ไม่เห็นแก่สั้น” จิตใจของเราจะไม่มีการผูกเวร จะเกิดปัญญาเพื่อเชื่อมต่อ กัลยาณมิตร
เกิดเป็นกลุ่มก้อน แล้วยังสามารถเปลี่ยนศัตรูให้เป็นมิตร อาจมีผิดพลาดกันบ้าง ให้มีสติตั้งขึ้นใหม่
“สติ” นั้นจึงเป็นตัวที่สำคัญ เป็นประธาน ในการที่จะให้จิตของเรานั้น ไม่เห็นแก่ยาว ไม่เห็นแก่สั้น ระงับเวร ตั้งสติสัมปชัญญะ เอาไว้ได้
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Mon, 07 Nov 2022 - 1h 00min - 284 - ผู้เชี่ยวชาญในความคิด [6544-2m]
เจริญอานาปานสติ เพื่อที่จะควบคุมความคิด ควบคุมความคิด โดยการฝึกสติ
ไม่ใช่หยุดคิด แต่เป็นการที่ให้รู้ความคิด คำว่า "รู้" หมายถึง มีสติ ระลึกรู้ โดยใช้เครื่องมือ คือ ลมหายใจ
ลมหายใจเป็นป้อมยาม สติ คือ ยาม คือ การระลึกได้ เป็นยามมาอยู่ที่ลมหายใจ
สติ-สมาธิ ไม่ใช่จะเป็นของที่ได้มาด้วยการข่มขี่ บังคับ ห้ามปรุงแต่ง แต่ได้มาด้วย “ความเพียร” จะได้มาด้วยความสงบระงับ
มีอะไรให้ กำหนดรู้เฉยๆ สังเกตดูเฉยๆ ดูผัสสะต่างๆ ผ่านมาทางประตูทั้งหก ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ที่เข้าสู่จิต เปรียบเหมือนสัตว์หกชนิด นก สุนัขบ้าน สุนัขจิ้งจอก จระเข้ งู ลิง ผูกไว้กับเสา คือ สติ ให้จิตน้อมไปทางมีสติ คือ อยู่ที่เสา หรือลมหายใจ “จิตน้อมไปทางไหน จิตนั้นก็ยิ่งมีพลัง” ความคิด ความฟุ้งซ่านก็อ่อนกำลังลง
ช่วงแรกๆ ขณะที่มีสติ สังเกต สิ่งต่างๆ นั้น นิวรณ์ มันก็ยังอยู่ สมาธิยังไม่เกิด
หากแต่เราฝึกไปเรื่อยๆ จะมีช่วงเวลาที่สติเกิดขึ้น และค่อยๆ กำจัดนิวรณ์ออกได้ทีละนิดๆ
ช่วงนี้ คือ จิตเป็นสมาธิแล้ว จุดนี้ เราจะเลือกคิดได้ ว่าจะคิดเรื่องอะไร คิดแก้ปัญหา ความคิดสร้างสรรต่างๆ
ฝึกเรื่อยๆ ในชีวิตประจำวัน เราจะสามารถควบคุมความคิดได้
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Mon, 31 Oct 2022 - 1h 01min - 283 - การคว่ำลงของอวิชชา [6543-2m]
เจริญธรรมานุสติปัฏฐาน ใคร่ครวญธรรมะที่เรียกว่า อวิชชา “อวิชชาย่อมปรากฏเพราะมีสิ่งนี้ สิ่งนี้เป็นปัจจัย”
อวิชชาแปลว่าความไม่รู้ ไม่รู้ในอวิชชาแปดอย่าง อวิชชามีคุณสมบัติ
๑. ทำให้เราเกิดความเพลิน
๒. จึงทำให้เรารู้เป็นส่วนๆ และไม่รู้ ไม่เข้าใจเรื่องราวสถานการณ์โดยรวมว่า สังสารวัฏ เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นอย่างไร
๓. ความไม่รู้ทำให้เราไม่รู้ตัว เวลาถูกกิเลสเผาอยู่
๔. ทำให้เราเข้าใจผิดพลาดไปว่า “ทุกข์คือสุข”, เข้าใจผิดว่า สัมมาวายามะ ทำความเพียรคือทุกข์, เข้าใจผิดว่าสัมมาสติ สัมมาสมาธิเป็นความเบื่อหน่าย
๕. อวิชชาปิดเรื่องราว ปิดความเข้าใจทำให้ เราไม่รู้เรื่องราวทั้งหมด เพื่อให้ตัวอวิชชาเจริญขึ้นๆ
อวิชชาเจริญได้เพราะมีอาหารคือนิวรณ์ทั้งห้า วิจิกิจฉา ความฟุ้งซ่าน ความง่วงซึม ความโกรธ ความอยากความเพ่งเล็ง นิวรณ์ห้า เกิดจากความทุจริตทางกาย วาจา ใจ, ทุจริตสามเกิดจากไม่สำรวมอินทรีย์, ไม่สำรวมอินทรีย์เกิดจากการขาดสติ สัมปชัญญะ จนเกิดอกุศลขึ้น
หากแต่เราฝึกสติ สัมปชัญญะ เรื่อย ๆ โดยการใช้ปัญญาพิจารณาอย่างแยบคาย หรือ โยนิโสมนสิการ โดยการหมั่นฟังพระสัทธรรม, เลือกคบสัตบุรุษหรือกัลยาณมิตรคือคนที่ทำให้กุศลจิตเกิดขึ้นได้ จึงเกิดศรัทธา ความมั่นใจ
จิตอยู่ตรงไหน สติก็อยู่ตรงนั้น, สติอยู่ตรงไหน อวิชชาก็อยู่ตรงนั้น, อวิชชาอยู่ไปทุกที่, วิชชาก็เกิดได้ทุกที่ไปหมด
สติ สมาธิ ปัญญาอยู่ตรงไหน วิชชาอยู่ตรงนั้น, อวิชชาก็ดับไปตรงนั้น
พิจารณาสมถะ วิปัสสนา เห็นความไม่เที่ยง พิจารณาอย่างแยบคาย, วิชชา ความรู้ก็เกิดขึ้น, อวิชชา ความไม่รู้ก็เบาบางลง พิจารณาอย่างนี้เรื่อยๆบ่อยๆ จนไม่มีอาหารของอวิชชา, “วิชชาเกิด อวิชชาก็คว่ำลงหมด” นั่นคือ ดับเย็นคือพระนิพพาน เป็นการดับของอวิชชา ดับแบบถอนรากถอนโคน.
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Mon, 24 Oct 2022 - 1h 01min - 282 - รอยเกวียนเก่า [6542-2m]
สัตว์ทั้งหลายทั้งปวงกำลังตาย หรือตายอยู่ในบัดนี้ด้วย ตายแล้วในอดีตด้วย จะตายในอนาคตด้วย
แม้แต่ตัวเราก็จะต้องตายเหมือนกันอย่างนี้ ความสงสัยในเรื่องการตายนี้ไม่มีแก่เรา
เจริญสังฆานุสสติ เป็นการปฏิบัติบูชา ระลึกถึงสงฆ์ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ตามคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้า ดำเนินตามๆ กันมาตามทางอันมีองค์ประกอบอันประเสริฐแปดอย่าง ปฏิบัติธรรมสืบต่อกันมา ทำให้มีคำสอนของพระพุทธเจ้าสืบต่อมาถึงปัจจุบัน
การปฏิบัติต้องประกอบด้วยสองส่วน คือ สมถะ และวิปัสสนา
1. สมถะ คือ การตั้งจิตมั่นให้สงบ เจริญสังฆานุสสติ จนจิตสงบ เป็นอารมณ์อันเดียว สติเป็นธรรมอันเอกจะทำให้เกิดสัมมาสมาธิได้
2. วิปัสสนา คือ การเห็นตามความเป็นจริง เมื่อจิตสงบ เรามาพิจารณาให้เห็นตามความเป็นจริง โดยความเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตาในสิ่งต่างๆ เห็นเกิด เห็นดับ ตลอดเวลา จนจิตเกิดความเบื่อหน่าย คลายกำหนัด “นั่นไม่ใช่ตัวตนของเรา”
เห็นด้วย สติ สมาธิ ปัญญา ว่า “กายนี้ ตัวเรานี้ก็ตาย ตัวบุคคลก่อนหน้าเรามา ก็ตาย แล้วในอนาคตก็ต้องตายต่อไป มันเป็นธรรมดาอย่างนี้มันจะต้องตายอย่างนี้ ทุกคนตายเหมือนกันหมด”
ให้เรามาตามทางที่จะไปสู่ประสาทแห่งธรรมะ ทางที่พระพุทธเจ้าท่านดำเนินเอาไว้ ตามทางที่พระพุทธเจ้า เหล่าอริยสาวกในสมัยพุทธกาลครูบาอาจารย์ในรุ่นก่อน จนถึงครูบาอาจารย์ที่ร่วมสมัยกันกับเราไปตามทางนี้หมด เข้าสู่บ้านที่จะดับเย็น นั่นคือ นิโรธ พักผ่อนอย่างสบาย สุขกาย สุขใจได้นั่นเอง
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Mon, 17 Oct 2022 - 1h 00min - 281 - ธรรมชาติย่อมย่อยสลาย [6541-2m]
“เพราะ ธรรมชาติที่ย่อมสลาย เหตุนั้นจึงเรียกว่า รูป”
เจริญกายคตาสติ พิจารณาร่างกาย ว่าร่างกายของเรานี้ คือ กองรูป คือ รูปขันธ์ ขันธ์หมายถึง กอง ที่มีแขนขา มีตัวมีหน้า มีอวัยวะภายในต่างๆ มารวมกันเป็นกลุ่มก้อน เขาจึงเรียกว่ารูปขันธ์
และมีส่วนที่เป็น “นาม” คือ เวทนาคือความรู้สึก สัญญา คือ ความหมายรู้ สังขาร คือ การปรุงแต่ง และจุดที่มันเชื่อมกันอยู่ของกายและใจ คือ วิญญาณ คือ การรับรู้ เกิดความเพลิน พอใจ ไปใน รูป สัญญา สังขาร วิญญาณ
“เกิดความเพลินความพอใจเมื่อไหร่ ตรงนั้นแหละ คือ ตัณหา มา อุปาทาน คือ ตัณหามายึดถือ ขันธ์ทั้งห้านี้ ขึ้นเป็นตัวเป็นตนขึ้นมา ความยึดถือครองนั้น เป็น “กระแสต่อเนื่องกันมา” ในขันธ์ห้านี้ เกิดภพ เกิดชาติ สืบต่อๆ กันมา เกิดเป็นกระแสของการสะสม “จิต คือ สภาวะแห่งการสะสม”
ใช้ปัญญาพิจารณากายเป็นเพียงธาตุสี่ ดิน น้ำ ไฟ ลม เป็นเพียงธรรมชาติ ย่อมย่อยสลายไป ไม่เที่ยง ไม่ใช่ของเรา ไม่ใช่เป็นเรา ไม่มีจริง เป็นสภาวะของกระแสที่สืบเนื่องต่อกันมาเท่านั้น ไม่ควรค่าที่จะไปยึดถือ
นาม “เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ” ก็เช่นเดียวกัน เปลี่ยนแปลง เกิด-ดับ อยู่ตลอด ต้องไม่ยึดถือเป็นตัวตน เพราะไม่เที่ยง
แต่ให้เห็น เป็นสภาวะแห่งการสะสม
พิจารณากายของเราอย่างต่อเนื่อง เราก็จะอยู่เหนือ ทั้งนาม ทั้งรูป อยู่เหนือบุญ อยู่เหนือบาป สามารถที่จะดับเย็นได้
นั่นคือ นิพพาน นั่นเอง
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Mon, 10 Oct 2022 - 1h 00min - 280 - ทุกความคิดเป็นการภาวนาได้เพราะมีสติสัมปชัญญะ [6540-2m]
“…ภิกษุทั้งหลายพวกเธอพึงเป็นผู้มีสติ อยู่อย่างมีสัมปชัญญะเถิด…”
ฝึกจิตให้มีสติ สัมปชัญญะ โดยเจริญอานาปานสติ เริ่มจากตั้งสติอยู่กับลมหายใจเข้า-ออก สังเกตดูลมเฉยๆ คือ พิจารณาเห็นกายในกาย ขณะเดียวกันมีการรับรู้สิ่งต่างๆ ที่เข้ามากระทบทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ รวมถึงธรรมารมณ์ ความคิดในช่องทางใจ จิตไม่เพลินไปกับผัสสะที่มากระทบ จิตเพียงรับรู้เฉยๆ ไม่ไปปรุงแต่ง จึงไม่เกิดอารมณ์สุข อารมณ์ทุกข์ คือ มีสติ เกิดการแยกแยะ สัมปชัญญะก็จะตามมา คือ ความรู้ตัวรอบคอบในเรื่องที่เราคิด ในสิ่งที่เราทำ ในทุกอิริยาบถที่เราอยู่ นั่นคือ เห็นธรรมในธรรมทั้งหลาย จิตเพียงรับรู้เฉยๆ ไม่มีอารมณ์ติดไปในงานนั้นๆ
ทุกความคิด ทุกการงาน ทุกคำพูด ทุกอิริยาบถ ทุกที่ที่เราไป ทุกงานที่เราทำ จึงเป็นการภาวนาได้
ฝึกบ่อยๆ จะเป็นการภาวนาในทุกๆ ที่ได้ เพราะมีสติสัมปชัญญะ
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Mon, 03 Oct 2022 - 1h 02min - 279 - พรหฺมา จโลกา [6539-2m]
เจริญพุทธานุสติ ระลึกถึง คุณของพระพุทธเจ้า ในความมีกรุณาอย่างสูง ทรงประกาศธรรมะแก่สัตว์โลก ทรงเห็นว่าผู้มีธุลีในดวงตาแต่น้อย ยังมี
ย้อนไป เมื่อครั้งพระพุทธเจ้าทรงได้ตรัสรู้แล้ว ทรงนั่งพักใคร่ครวญ สิ่งที่พระองค์ได้ทรงตรัสรู้
ครั้งนั้น จิตของพระองค์ทรงแล่นไปทางขวนขวายน้อยในการประกาศธรรมะ ด้วยเห็นว่าหมู่สัตว์ในยุคนี้มีความอาลัยเป็นที่ยินดี, ยากนักที่จะเห็น “ปฏิจจสมุปบาท”
หากแต่ ท่านท้าวสหัมบดีพรหม ผู้มีสัมมาทิฏฐิ ได้กราบทูลพระพุทธเจ้า ด้วยเห็นว่า คำสอนตามอริยมรรคมีองค์แปดนี้ จะเป็นทางที่จะนำพาให้หลุดพ้นจากกระแสของตัณหาได้
พระองค์ทรงไตร่ตรองด้วยพุทธจักษุ “เห็นสัตว์ที่มีธุลีในดวงตาแต่น้อยก็มี, สัตว์เหล่านั้นจะเสื่อมจากคุณที่จะได้รับ, ถ้าไม่ได้ฟังธรรม สัตว์ผู้รู้ทั่วถึงธรรมจะมีแน่” จึงทรงประกาศธรรมให้แก่สัตว์โลก
“ประตูแห่งนิพพาน อันเป็นอมตะ เราได้เปิดไว้แล้วแก่สัตว์ยุคนี้ สัตว์เหล่าได้มีโสตประสาท สัตว์เหล่านั้น จงปลงศรัทธาลงไปเถิด”
ปฏิบัติด้วยศรัทธา ความเพียร สติ สมาธิ ปัญญา อินทรีย์ทั้งห้าต้องสูงเสมอกัน เพื่อเป็นอริยทรัพย์ ยิ่งปฏิบัติ ยิ่งได้เพิ่ม ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบให้เห็นผล ให้เข้าสู่กระแส โสดาบันเป็นผู้ไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา ปิดประตูอบาย
ปฏิบัติสูงขึ้นๆ ถึงพระอนาคามี จนบรรลุธรรมถึงพระนิพพาน ได้ในที่สุด
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Mon, 26 Sep 2022 - 1h 01min - 278 - เพราะน้อยจึงมีค่ามาก [6538-2m]
ความได้อัตภาพเป็นมนุษย์เป็นการยาก ชีวิตของสัตว์ทั้งหลายเป็นอยู่ยาก การฟังพระสัทธรรมเป็นของยาก การอุบัติขึ้นแห่งพระพุทธเจ้าทั้งหลายเป็นการยาก
ความน้อย ความยากนี้ให้เห็นด้วยสติ ด้วยปัญญา อย่าไปยึดถือในสิ่งที่มีค่าน้อย คืออย่าไปยึดกาย อย่าไปยึดจิต,
ให้เห็นด้วยปัญญาในความเป็นของน้อยของชีวิต ปัญญานั้นจึงมีค่ามาก, ให้เห็นความไม่เที่ยง เป็นสรณะ, เห็นอุเบกขา หรือ ศีล เป็นที่เกาะเป็นที่พึ่งเพื่อภาวนา พัฒนาจิตให้เจริญขึ้นเพื่อให้เห็นอริยสัจสี่ เห็นมรรคมีองค์แปด เห็นศีล สมาธิ ปัญญาและวิมุตติ
ปฎิบัติธรรมสมควรแห่งธรรม พัฒนาเป็นอริยบุคคล ทางดำเนินนั้นจะเป็นทางที่ไปสู่พระนิพพานคือดับเย็น
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Mon, 19 Sep 2022 - 59min - 277 - สังขารทั้งหลายไม่เที่ยง ล้วนเป็นอนัตตา [6537-2m]
พิจารณาความไม่เที่ยงของสิ่งทั้งหลายโดยผ่านพุทธานุสติ สติจะเป็นตัวจัดระเบียบสิ่งต่างๆ ในช่องทางใจ ทำให้สามารถแยกแยะได้ จิตจะไม่ไปเกลือกกลั้วตามสิ่งที่มากระทบ เป็นการทอนกำลังของสิ่งนั้นลง เมื่อสติมีกำลังสมาธิจะเกิดขึ้น เอาความสงบนั้นมาเป็นฐานในการรื้อถอนอวิชชา ก่อวิชชาให้เกิดจากการใคร่ครวญโดยแยบคาย คือ ใคร่ครวญเห็นถึงความไม่เที่ยง ความเป็นอนัตตา ความไม่มีสาระแก่นสารอะไร ทุกสิ่งล้วนอาศัยเหตุปัจจัย ถ้าเงื่อนไขเหตุปัจจัยมีอยู่สิ่งนั้นก็ดำรงอยู่ ถ้าเงื่อนไขหายไป สิ่งนั้นก็ดับไป
ถ้าเราเผลอเพลิน เราจะเข้าไปยึดสิ่งที่เป็นอนัตตาว่าเป็นอัตตา จะมีความทุกข์เกิดขึ้นทันที แต่ถ้าตั้งสติมีสมาธิใคร่ครวญโดยแยบคาย พิจารณาตามความจริงว่ามันขึ้นตามเหตุปัจจัย อุปาทานความยึดถือจะอยู่ไม่ได้จะคลายออก จะเห็นตามจริงในสิ่งที่เป็นอนัตตาว่าเป็นอนัตตา วิชชาเกิดขึ้นทันที ความพ้น คือ วิมุตติก็เกิดขึ้นเช่นกัน จะทำให้เกิดได้ต้องมีการประกอบพร้อมกันของปัญญา สติ สมาธิ ดำเนินมาตามระบบของมรรค เมื่อวางได้แล้วสิ่งที่เหลือ คือสติ คือปัญญากับจิตที่ดำรงอยู่ด้วยดี มีความร่าเริง ไม่หวาดสะดุ้ง จิตดับจากไฟของกิเลส ไม่สะดุ้งสะเทือนไปตามผัสสะ นี้คือ นิพพาน
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Mon, 12 Sep 2022 - 1h 00min - 276 - ไม่มีกำมือในธรรมะ [6536-2m]
ธรรมที่พระพุทธเจ้า ได้กระทำแล้ว แสดงแล้ว พระองค์ทรงสอนอย่างเปิดเผย แจ่มแจ้งชัดเจน หงายออก ไม่มีปิดบัง เป็นสวากขาตธรรม จึงไม่มีกำมือในธรรมะ ให้เราเป็นธรรมทายาท ให้เราปฏิบัติ “จงเป็นเจ้าของคำสอน อย่าเป็นเพียงผู้รักษาคำสอน”
เจริญมรณสติ คือ พิจารณาความตายของตนเอง โดยเจริญพุทธานุสติ ระลึกถึงพระพุทธเจ้าช่วงก่อนปรินิพพาน เพื่อน้อมเข้ามาสู่การเจริญมรณสติของตัวเราเอง
ให้เราระลึกว่าเหตุของความตาย คือ ความเกิด ทุกช่วงเวลาที่ผ่านไป ร่างกายมีเกิด-ดับอยู่ตลอดเวลา เกิด-ตาย เกิด-ตายอยู่ในเซลล์ร่างกายเราตลอดเวลา หากแต่เรารู้สึกเหมือนเดิมอยู่เพราะเป็นกระแส กระแสนี้จะถูกตัดลงได้ด้วยมัจจุมารซึ่งมีอยู่ทั่วไป
แล้วเป็นเหตุให้เกิดทุกข์ที่เกิดจากความตายมี 3 ประการ คือ 1. ทุกข์จากความกังวลว่าตายแล้วจะเป็นอย่างไร 2. ทุกข์ว่าต้องพลัดพรากจากของรัก 3. ทุกข์ว่าจะมีความเจ็บจากขบวนการตาย
เราจักมีความสบายใจมากขึ้นจากทุกข์ทั้งสามข้อนี้โดย 1. การเร่งทำความดี ด้วยทาน ศีล ภาวนา เพื่อให้เราระลึกถึงกุศลธรรม 2. ให้เราพิจารณาความตายว่า เราจะต้องพลัดพรากจากของรักของชอบใจทั้งสิ้น ซ้อมไว้ด้วยการปฏิบัติหลีกเร้นทำจิตใจให้สงบ ให้พึ่งตน พึ่งธรรม 3. หากมีทุกขเวทนา ปฎิบัติสมาธิเข้าฌานให้ลึก จนกระทั่งข้ามพ้นจากทุกขเวทนาที่เกิดขึ้นทางกาย เข้าสู่อุเบกขาให้ได้ เราจักเป็นเป็นผู้ที่อยู่ผาสุกได้ แม้ความตายมาถึง
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Mon, 05 Sep 2022 - 59min - 275 - นอนอย่างไรให้เป็นการภาวนา [6535-2m]
เจริญธัมมานุสติ คือ ใคร่ครวญไปตามธรรมะของพระพุทธเจ้า คือ มัชฌิมาปฏิปทา ทางสายกลาง
การนอนให้เป็นภาวนา ก่อนนอนต้องกำหนดจิตให้มีสติสัมปชัญญะ โดยภาวนาพุทโธ หรือดูลมหายใจ น้อมจิตไปเพื่อการหลับว่า “บาป อกุศล อย่าตามเราไป ผู้ซึ่งนอนอยู่” ให้มีกุศลธรรมในจิตใจ จิตจะปราศจากราคะ โทสะ โมหะ เวลาหลับไปแล้ว จิตจะมีสติ เพราะมีสติสัมปชัญญะ ตั้งแต่ก่อนนอน ก่อนหลับ ระหว่างหลับ และการตื่นนั้นจะเป็นสุข ไม่ฝันร้าย
การนอน การหลับที่อยู่ในสมาธิ นั่นคือ การนอนแบบเป็นภาวนา จักเป็นการพัฒนาจิตได้ และร่างกายจะได้รับการพักผ่อน
ยังรวมถึงการเจริญเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ก่อนนอน อานิสงส์ คือ หลับเป็นสุข ตื่นเป็นสุข ไม่ฝันร้ายจะมีเทวดารักษา
รวมถึงการเจริญมรณสติว่า หากเรานอนครั้งนี้แล้วไม่ลุกขึ้นอีก บาปอกุศลอย่าตามเราไป จิตเราจะเป็นกุศล จะทำให้จิตเป็นสมาธิ มีการพัฒนาทางจิตใจ การนอนนั้นก็เป็นการภาวนาได้
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Mon, 29 Aug 2022 - 59min - 274 - พลัดพรากให้เป็นธรรม ธรรมสังเวช [6534-2m]
พัฒนาจิตด้วยการเจริญพุทธานุสติ ระลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้า
พลัดพรากให้เป็นธรรม ด้วยการมีสติ
เราจะต้องพลัดพรากจากของรักของชอบใจทั้งสิ้นเป็นธรรมดา พิจารณาความทุกข์ทั้งปวง เกิดจากสิ่งนั้นมีความเปลี่ยนแปลง และเรายึดมั่นในสิ่งนั้นๆ ด้วยจิตที่ยังมี ราคะโทสะ โมหะ เกิดทุกข์ในที่สุด
พอเราเจอเรื่องทุกข์แล้ว ให้มี “สติ สัมปชัญญะ” จะอดกลั้นเวทนาได้ด้วย “ธรรมสังเวช” หมายถึง ความร้อนใจที่พัฒนาจนอยู่เหนือสุขเหนือทุกข์ได้ โดยให้ตระหนักถึงสิ่งที่ควรรีบทำ ความตื่นรู้ถึงว่า สังขารทั้งหลายไม่เที่ยง จึงให้เป็นผู้มีความเพียร เร่งรีบปฏิบัติ ให้มีความกล้าเผชิญความจริง ไม่เผลอเพลินไป ให้รีบดับไฟ ไฟคือความเกิด ความเจ็บ ความแก่ ความตาย ไฟคือ ราคะ โทสะ โมหะ มันเผาเราอยู่แล้ว เราต้องรีบดับไฟนี้เสีย
สมาธิ สติ ปัญญา ใช้ในการพัฒนาจิตของเราให้หลุดพ้นจากสังขาร การเปลี่ยนแปลง ความยึดถือต่างๆ เข้าใจแล้ว เราก็สบายใจได้ อยู่กับทุกข์ ก็ไม่ทุกข์ หรืออยู่เหนือสุขเหนือทุกข์ได้ นั่นเอง
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Mon, 22 Aug 2022 - 1h 00min - 273 - กินให้เป็นภาวนา [6533-2m]
โภชเนมัตตัญญุตา คือ การพิจารณาอาหารด้วยความแยบคายเป็นการใช้ปัญญา อานิสงส์นั้นได้ถึงการเป็นอนาคามี ในที่นี้ได้แยกการพิจารณาดังนี้ พิจารณาจากเวทนา เวทนาเก่าให้ลดหรือหายไป คือ ความหิว ความอยาก โรคภัยไข้เจ็บ เวทนาใหม่อย่าให้มี คือ ความอิ่มจนอึดอัด เวทนาใหม่ที่ระงับได้ เพราะอาหารบางประเภท แต่ต้องในปริมาณที่เหมาะสม โรคภัยใหม่ๆ ที่จากการกินเกินพอดีจากวัฒนธรรมน้ำจิ้ม ได้เปรียบการกินอาหารไว้กับอุปมา 3 อย่าง คือ อุปมาน้ำมันหยอดเพลาเกวียน ที่ใส่นิดเดียว ใส่มากไม่ดี ไม่ใส่ก็ไม่ได้ อุปมาผ้าปิดแผล ผ้าต้องพอดีเหมาะสม และอุปมาการกินเนื้อบุตร เห็นเป็นของปฏิกูล ไม่กินเพื่อเล่น ไม่กินเพื่อมัวเมา ไม่กินเพื่อตกแต่ง แต่กินเพื่อให้พอข้ามผ่านทางกันดารไปได้ เพื่อสะดวกต่อการประพฤติพรหมจรรย์
เทคนิคที่ใช้รับมือ คือ การนับคำทำให้จำกัดปริมาณ ไม่เกินต่อมอิ่ม กินมากเท่ากับฆ่าตัวตาย ก่อนกลืนให้นับครั้งการเคี้ยว จะทำให้รับรู้รสชาดได้เพิ่มขึ้นลดเวทนาใหม่ได้ และน้ำลายจะได้ลงไปช่วยย่อยในกระเพาะ นี้เป็นการฝึกสติสัมปชัญญะ นอกจากนี้ให้ระวังน้ำตาลตัวร้าย เพิ่มการทำ fasting สุดท้าย คือ การพิจารณาความเป็นปฏิกูลในอาหาร 10 ประการ
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Mon, 15 Aug 2022 - 1h 03min - 272 - เจริญกายคตาสติผ่านสรีรยนต์ [6532-2m]
พระพุทธเจ้าเป็นผู้ค้นพบการเข้าใจกายอย่างถูกต้องตามทางสายกลาง เข้าใจในรสอร่อย และโทษของมัน พร้อมกันนั้นได้ให้อุบายในการนำออก โดยการพิจารณาผ่านจักร 4 ทวาร 9 จักร คือ การหมุนวนเปลี่ยนแปลงไปในอิริยาบถทั้งสี่ตลอดทั้งวันทั้งคืน ทวาร 9 คือ ช่องให้ของไหลเข้าไหลออกเพื่อประกอบให้กายนี้อยู่ได้ ให้ใช้ปัญญาเห็นตามเป็นจริงในสรีรยนต์นี้
คำถามของเทวดาที่ถามพระพุทธเจ้าถึงการออกไปจากทุกข์จากสรีรยนต์ที่เต็มไปด้วยของไม่สะอาดจะมีได้อย่างไร พระพุทธเจ้าตรัสตอบถึงการกำจัด 4 อย่างที่จะนำออกไปจากทุกข์ได้ นั่นคือ กำจัดการผูกโกรธ กำจัดกิเลสเครื่องร้อยรัด ถอนตัณหา ขุดราก คือ อวิชชา โดยใช้อาวุธ คือ ความคม=ปัญญา กำลัง=สมาธิ และเล็งให้ถูก=สติ สับกายหมดแล้วก็ให้เห็นว่าอวิชชาอยู่ในจิตด้วย ให้เห็นจิตโดยความเป็นของไม่เที่ยง ไม่ใช่ตัวเรา ไม่ใช่ของเรา ไม่ใช่ตัวตนของเรา การเห็นตรงนี้เป็นปัญญา ปัญญาเห็น อวิชชาจึงดับไป จิตจึงดับไป
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Mon, 08 Aug 2022 - 1h 02min - 271 - แยกแยะแล้วเห็นด้วยปัญญา [6531-2m]
เจริญอานาปานสติ เพื่อให้พบปัญญา
รูป-นาม หรือ กาย-ใจ เชื่อมต่อกันด้วยวิญญาณ คือ การรับรู้ สติอยู่ ณ จุดที่ลมหายใจมาสัมผัส เกิดสมาธิสงบระงับ
แล้วเดินปัญญาต่อ ให้เห็นความไม่เที่ยง
โยนิโสมนสิการ พิจารณา ไตร่ตรอง ในสมาธิ ให้เห็น “นิมิตของความไม่เที่ยง นั่นคือ เกิดปัญญา เกิดดวงตา เกิดแสงสว่าง”
แต่กิเลส ตัณหามันเหนียว ต้องทำซ้ำ ทำย้ำ พิจารณาดูความไม่เที่ยงอีก แม้ลมหายใจเข้า-ออกก็ไม่เที่ยง ทุกสิ่งเป็นอนัตตา ไม่เที่ยง เป็นทุกข์
เราไม่ควรยึดถือว่าเป็นตัวเราเป็นของเรา สติมีตลอดกระบวนการ เห็นปัญญาตรงนี้บ่อยๆ เราจะ “วาง” ได้
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Mon, 01 Aug 2022 - 59min - 270 - แยกจิต มโน วิญญาณ ด้วยสติ [6530-2m]
เจริญอานาปานสติ โดยการสังเกต และตั้งสติไว้ที่ลมหายใจ ตั้งสติ คือ การแยกแยะ สังเกต จัดระเบียบความคิด ในช่องทางใจ
เปรียบเหมือนผูกสัตว์หกชนิด ไว้ที่เสา สัตว์หกชนิดเปรียบเหมือน ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ที่ผูกไว้กับ “เสา คือ สติ” เพื่อไม่ให้จิตไปเสวยอารมณ์ สุข ทุกข์ เผลอ เพลิน
การ “เสวยอารมณ์” ไปหลงคิดว่าเป็นความคิดของฉัน เป็นสุขของฉัน เป็นทุกข์ของฉัน เป็นตัวฉัน เพราะเข้าใจผิดคิดว่า ความนึกคิด จิต มโน วิญญาณ คือ สิ่งเดียวกัน คือ ก้อนเดียวกัน
หากแต่ พอ “สติมีกำลัง” จากการฝึกสังเกตบ่อยๆ จะก่อให้เกิดกระบวนการแยกแยะว่า ธรรมารมณ์ (ความคิดนึก) กับจิต ไม่ใช่อันเดียวกัน สังเกตุแยก “รูป-นาม” ได้ (สิ่งที่ผ่านทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ) โดยมีวิญญาณเป็นธาตุรู้ที่เชื่อมต่อสิ่งภายนอกเข้าสู่ใจ ผ่านทางช่องทางใจหรือมโน และมีจิตเข้าไปเกี่ยวข้อง แต่ไม่เสวยอารมณ์นั้นๆ เพราะแยกกันออกแล้ว “เราจึงแยกแยะ ธรรมารมณ์ จิต มโน วิญญาณ ได้ด้วย สติ”
พอมีการแยกแยะแล้ว จิตก็ “ระงับ ไม่สะดุ้ง-สะเทือน”ไปตามอารมณ์ นั่นคือ จิตเป็นสมาธิแล้ว
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Mon, 25 Jul 2022 - 1h 01min - 269 - ละเอียดจนไม่เหลืออะไร [6529-2m]
เจริญอานาปานสติไว้ที่ลมหายใจ, สติคือการแยกแยะ แยกแยะผัสสะที่เข้ามากระทบ เป็นไปเพื่อการล้างกิเลสออก
เพราะจิตหวั่นไหวขึ้น-ลง เสวยอารมณ์สุข-ทุกข์ ผ่านทางผัสสะที่มากระทบ, เราจึงต้องมีการจัดระเบียบในช่องทางใจด้วย “สติ”, ผลที่ได้คือ “ความละเอียด”
หรือ การปรุงแต่งทางกายและจิตระงับ, เปรียบเหมือน ช่างทองล้างแล้วล้างอีก จนกว่าจะได้ทองคำ,
“สติ วิญญาณ จิต กิเลส” ละเอียดลง ให้รู้เท่าทัน, เพื่อป้องกันการกลับกำเริบของกิเลส หรือการเผลอสติ เพราะจิตยังมี “อวิชชา”
ข้อปฏิบัติที่ละเอียดลงคือปฏิบัติตามทางมรรคมีองค์แปดจะค่อย ๆ กำจัด อาสวะกิเลส จากกิเลสอย่างหยาบจนถึงกิเลสอย่างละเอียด
ทำซ้ำ ทำย้ำ สับให้ละเอียดจนไม่เหลือเงา ไม่เหลือรากของอวิชชา ให้เห็นตามความเป็นจริงของสิ่งต่างๆ ความเป็นอนัตตา ซ้ำๆ ย้ำๆ สับลงไป มันจะเกิดความเบื่อหน่าย คือ “นิพพิทา”
ใช้ “ปัญญา เห็นตามความเป็นจริง เห็นความไม่เที่ยง เห็นการปรุงแต่ง” แม้จิตก็ไม่เที่ยง แล้ว “วาง” ซะ จิตเราจะพ้น คือ วิมุตติ เป็นจิตที่หลุดพ้นแล้ว เป็นจิตที่ยินดี ร่าเริงไม่หวาดสะดุ้งสะเทือน ย่อมปรินิพพานเฉพาะตนนั้นเทียว.
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Mon, 18 Jul 2022 - 59min - 268 - จงเป็นธรรมทายาท อย่าเป็นคนสุดท้าย [6528-2m]
เจริญอานาปานสติ ตั้งสติให้ระลึกถึงลมหายใจ จิตจะค่อยๆรวมลงๆ เกิดปัสสัทธิ คือความสงบระงับเป็นอารมณ์อันเดียว เกิดเป็นสมาธิ
พระพุทธเจ้าท่านทรงเตือนเพื่อให้เราคอยตรวจตราจิตใจเรา อยู่สามข้อคือ ให้เราเป็น “ธรรมทายาท” อย่าเป็นอามิสทายาท, อย่าทำตัวเป็นศัตรูหรือปฏิปักษ์ แต่ให้ทำตัวเป็น “มิตรหรือมีความสอดคล้องกับพระพุทธเจ้า”, อย่าเป็นคนสุดท้าย แต่ให้เป็นคนที่จะสืบต่อธรรมะต่อไปด้วย “สติ”
ท่านทำให้เป็นเหมือนกระจกเงา ให้เราพิจารณาตัวเราตลอดเวลา แม้ถูกกิเลสมารตัดออกไป เราก็ยังสืบต่อความดีด้วย “สติ”ตั้งมั่นใหม่ ไม่เป็นคนสุดท้าย จะมีเมตตา กรุณา อุเบกขา ต่อไปเรื่อยๆ
เมื่อเราเป็น “มัคคานุคาคือผู้เดินตามมรรค” เราก็จะเป็นผู้รับมรดกทางธรรมเป็นธรรมทายาท ได้ลิ้มรส “อมตะธรรมคือพระนิพพาน” ของพระพุทธเจ้าได้
ให้เราประคองรักษาจิต รักษาสติ อยู่อย่างนี้ได้ตลอดทั้งวัน แล้วให้เห็นด้วยปัญญาโดยชอบตามที่ความเป็นจริงในสิ่งต่าง ๆ ว่า “นั่นไม่ใช่ตัวเรา นั่นไม่ใช่ของเรา นั่นไม่ใช่ตัวตนของเรา”
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Mon, 11 Jul 2022 - 59min - 267 - สังโฆคือการปฏิบัติ [6527-2m]
ปฏิบัติภาวนาด้วยการระลึกถึงสังโฆ สังโฆคือผู้ปฏิบัติจนรู้แจ้ง
ให้เราระลึกถึงคุณของสังโฆ ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ รู้แจ้งโลก ผู้เห็นทุกข์ คือ เห็นธรรม เข้าใจอริยสัจสี่อย่างแจ่มแจ้ง
เปรียบเหมือน ปัจจันตนครที่มีเครื่องป้องกันเจ็ดปราการ โดยมีนายทวารหรือทหารยาม ฉลาด สามารถดี คือ มีสติ ห้ามไม่ให้คนที่ไม่รู้จักเข้า คือ สติรักษาไม่ให้อกุศลจิตแทรกผ่านประตูเข้ามา
อนุญาตให้เฉพาะคู่ราชฑูต คือ สมถวิปัสสนา มาส่งสาสาส์น คือ การเห็นตามความเป็นจริงคือนิพพาน สู่เจ้าเมืองคือวิญญาณ โดยผ่านตามทาง คือ มรรคแปด
เมื่อผัสสะมากระทบผ่านประตูทั้งหก ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ สติที่มีกำลังจะสังเกต แยกแยะ และก่อให้เกิด สมถวิปัสสนา เข้าสู่จิต เห็นโดยความเป็นของไม่เที่ยงในผัสสะที่มากระทบ ทั้งรูป ทั้งนาม ขันธ์ทั้งห้าเป็นกองทุกข์ ไม่เที่ยง เป็นอนัตตา
วิญญาณเมื่อได้รับข่าวสารที่เป็นวิชชาเรื่อยๆ ก็จะค่อยๆ พ้น คือ วิมุตติ โดยมีนิพพานเป็นที่แล่นไปสู่ จิตก็หลุดพ้น คือ ดับเย็นเป็นผู้รู้อย่างแจ่มแจ้ง
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Mon, 04 Jul 2022 - 1h 01min - 266 - พลังสติ [6526-2m]
ฝึกพลังสติให้จิตใคร่ครวญไปในธรรม สติปัฏฐานสี่ คือ เห็นกายในกาย เห็นเวทนาในเวทนา เห็นจิตในจิต เห็นธรรมในธรรม
ฝีกให้ชำนาญในสติปัฏฐานสี่ จากการเพิ่มพลังสติ
การเพิ่มพลังสติมีห้านัยยะ โดยผ่านสติปัฏฐานสี่ คือ เราจะแค่รับรู้ “สังเกต”เห็นเฉยๆ ในสติปัฏฐานสี่ ด้วยสติ, พอสติมีกำลังแล้วจิตจะ “แยกแยะ”, แล้วจิตก็ “แยกตัว” ออก ไม่ตามสิ่งต่างๆ นั้นไป, จิตนั้นก็สามารถเลือกได้ว่าจะตอบสนองอย่างไร นั่นคือ จิตมี “ทางเลือก”, ก็จะเกิด “พลังสติ” ห่อหุ้มจิตเอาไว้
พลังสติทำให้เกิดสมาธิ เมื่อมีสมาธิตั้งมั่นแล้ว เราจะต้องใช้ปัญญา พิจารณาเห็นความเกิดขึ้น ความดับไป, แม้จิตเราก็ไม่เที่ยง ไม่ควรที่จะเห็นเป็นตัวเรา เป็นของเรา “ละความยึดถือในกาย ในจิต”
ให้เราอยู่กับสติ อยู่กับปัญญา, รักษาพลังสติ พลังปัญญา นี้ไว้ให้ดี.
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Mon, 27 Jun 2022 - 1h 01min - 265 - พุทโธ คือ กำลังใจ [6525-2m]
ปฏิบัติภาวนาโดยการระลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้า ในความเพียรสูง และการใช้ปัญญาอย่างสูงของพระองค์
ความสำเร็จของท่านเกิดจากการใช้ปัญญาอยู่บนพื้นฐานของสมาธิ มีศีลเป็นบาทฐาน
ขอให้เรามี ความหวัง คือ ศรัทธา ลงมือทำ คือ วิริยะ ตามเส้นทาง คือ มรรคมีองค์แปด คือ ศีล สมาธิ ปัญญา ความสำเร็จเกิดขึ้นได้แน่นอน
ปัญหา ความทุกข์ ความท้อใจ ความผิดหวัง คือ โอกาสให้เกิดความสุข ให้เกิดกำลังใจ ให้เกิดความหวัง ใช้สติจดจ่อเอาไว้ ให้เกิดปัญญาเห็น ความเกิด-ดับ ความไม่เที่ยง ให้ได้
ให้เราเร่งความเพียร คือ ต้องมีกำลังใจ ความหวัง ตั้งใจปฏิบัติในเวลานี้ ในเวลาที่มีพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้น เวลาที่มีคำสอนของพระองค์หลงเหลืออยู่ และเราได้เป็นมนุษย์ จงอย่าประมาท
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Mon, 20 Jun 2022 - 1h 00min - 264 - ยอดธงแห่งผู้ประพฤติธรรม [6524-2m]
ฝึกปฏิบัติด้วยการระลึกถึงพุทโธ ธัมโม สังโฆ เพื่อให้เกิดสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ปัญญาจะเกิดขึ้น จะทำนิพพานให้แจ้ง ละอาสวะกิเลสได้
จิตตั้งอยู่กับพุทโธ ธัมโม สังโฆ ปักเป็นยอดธงเอาไว้ จิตจะไม่ไปสะดุ้ง สะเทือนกับการเปลี่ยนแปลง สติห่อหุ้มจิตเป็นเยื่อบางๆ ไว้ ไม่แปดเปื้อนกับสิ่งที่มากระทบ สติมีกำลัง ความระงับของอายตนะค่อยๆ เกิดขึ้น เกิดอารมณ์อันเดียว ปีติ ปราโมทย์ เกิดสัมมาสมาธิ เกิดทาง.. ที่จะต่อสู้กับกิเลส อาจมีความท้อใจบ้าง ให้แน่วแน่ที่ยอดธง คือ พุทโธ ธัมโม สังโฆ เป็นเกราะ เป็นที่พึ่ง จะเกิดปัญญาแทงตลอด ให้เห็นตามความเป็นจริง เห็นความไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่ของเรา เห็นความไม่เที่ยง เห็นความเป็นอนัตตา ได้
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Mon, 13 Jun 2022 - 57min - 263 - ขันธ์ทั้งห้าเป็นของหนัก [6523-2m]
ฝึกปฏิบัติให้สติของเรากำหนดไว้อยู่ในกาย คือ กายคตาสติ พิจารณา “ทุกขสัญญา” คือการกำหนดหมายโดยความเป็นทุกข์ของสิ่งต่างๆ มองด้วยปัญญาจากสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ให้เห็น “ขันธ์ทั้งห้า” เป็นของทุกข์ ไม่เที่ยง เป็นอนิจจัง ทนอยู่ในสภาพเดิมได้ยาก เปลี่ยนแปลงตามเหตุปัจจัย แต่จิตของเราหลอกอยู่ให้เห็นว่า ขันธ์ทั้งห้าเป็น “สุขสัญญา” สุขจากการกินอิ่ม นอนหลับ เดินได้จนมีความเพลิน พอใจ ปรุงแต่ง รับรู้ เกิดอุปาทาน ยึดถือว่า ขันธ์ทั้งห้าเป็นของเรา เกิดตัณหาว่าต้องการให้มันเที่ยง นิจจัง แต่มันไม่เป็นอย่างนั้น ความทุกข์จึงเกิด
ขันธ์ทั้งห้าไม่ใช่ของสุข ที่แท้มันเป็นของทุกข์ เราต้องไม่เพลิน พอใจ หลงยึดถือ มันไม่ใช่ของที่จะเป็นสาระแก่นสาร จะมาหาความเมา ความสุขในสิ่งที่เป็นของหนัก ในสิ่งที่เป็นของทุกข์ มันไม่ได้
เราต้องวาง “ของหนัก” คือ ขันธ์ทั้งห้า คือ ไม่ไปยึดถือทั้งสุขเวทนา และทุกขเวทนา สุขที่เหนือกว่าสุขเวทนา คือ สุขแบบเย็นๆ คือ นิพพาน มันชุ่มเย็นอยู่ในใจ ทำตรงนี้ให้ได้บ่อยๆ พิจารณาให้เห็นความยึดถืออยู่บ่อยๆ ใคร่ครวญ “ทุกขสัญญา” ตลอด เราจะเกิดความเข้าใจ เห็นความจริงว่า สิ่งที่มีสาระเป็นประโยชน์ คือ “อริยมรรคมีองค์แปด” คือ ปัญญา สมาธิ สติ ของเราเป็นสาระประโยชน์ เอามาปฏิบัติจะเป็นสิ่งที่พึ่งให้เกิดปัญญาอยู่ได้ตลอดทั้งวัน
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Mon, 06 Jun 2022 - 1h 00min
Podcasts semelhantes a 2 จิตตวิเวก
- นิทานชาดก 072
- พี่อ้อยพี่ฉอด พอดแคสต์ CHANGE2561
- หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม dhamma.com
- People You May Know FAROSE podcast
- Speak Better English with Harry Harry
- เล่าเรื่องรอบโลก by กรุณา บัวคำศรี karunabuakamsri
- ลงทุนแมน longtunman
- 5 Minutes Good Time Mission To The Moon Media
- Mission To The Moon Mission To The Moon Media
- ไหนๆ ก็เล่าแล้ว Nai Nai Kor Lao Laew
- พระเจอผี Podcast Prajerpee
- เคาะข่าวค่ำ radio tonews
- SONDHI TALK sondhitalk
- คุยให้คิด Thai PBS Podcast
- สื่อเสียงนิทาน : นิทานเด็กเล็ก Thai PBS Podcast
- พระธรรมโกศาจารย์ (พุทธทาสภิกขุ) Thammapedia.com
- หลวงพ่อพุธ ฐานิโย Thammapedia.com
- The Secret Sauce THE STANDARD
- THE STANDARD PODCAST THE STANDARD
- คำนี้ดี THE STANDARD
- ข่าวสดสายตรงจากวีโอเอ ภาคภาษาไทย 6:30 – 7:00 น. - วอย VOA
- Luangpor Paisal Visalo‘s Podcast (ธรรมะ จาก หลวงพ่อไพศาล วิสาโล) watpasukato
- พุทธวจน พุทธวจน
- หลวงพ่อจรัญ ทักขญาโณ หลวงพ่อจรัญ ทักขญาโณ
Outros Podcasts de Religião e Espiritualidade
- Noche de Misterio Caracol Pódcast
- DOSIS DIARIA ROKA Roka Stereo
- Dante Gebel Live Dante Gebel
- Santo Rosario RadioSeminario
- ROKA STEREO Podcast Roka Stereo
- Abierta Mente: Conversaciones con Yoga al Alma Ana Isabel Santa María
- El Santo Rosario Guadalupe Radio
- Código Misterio Código Misterio
- Dr. Armando Alducin Podcast Dr. Armando Alducin
- EBC Yeshu'a EBC Yeshu'a
- Radio María Colombia Radio María Colombia
- Musica cristiana Glorificar a Dios Todopoderoso
- Reggae Revival Dread Lightning HiFi
- PREDICAS CRISTIANAS SHEKINA FM
- Santo Rosario - Misioneros Digitales Católicos Misioneros Digitales Catolicos
- Vida Cristiana Gilbert Ortiz Hurtado
- Podcast El Lugar de Su Presencia El Lugar de Su Presencia
- Reflexiones Cristianas Reflexiones Cristianas
- Búsqueda interior MARTHA DEBAYLE PODCAST
- Reflexiones cristianas Radio Luz a las Naciones